ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 24, 2025 13:03 —ThaiPR.net

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่จะถึงนี้ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับไม่สูงนัก ในขณะที่กำลังประเมินความเสี่ยงจากสงครามการค้าและภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ

"กนง. อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ซึ่งอาจจะเป็นการประชุมในเดือนมิถุนายนหรือหลังจากนั้น Fed มีท่าทีไม่รีบลดดอกเบี้ย และธปท.ไม่ได้ส่งสัญญาณต้องการลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับต้องการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) ล้วนเป็นปัจจัยที่จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย" ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงไม่วางใจต่อการเติบโตและภาพรวมภายนอกประเทศ โดยคาดว่าปีนี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 3

ติดตามการส่งออก และการบริโภคในประเทศ ในขณะที่ท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยในปี 2567 เติบโตร้อยละ 2.5 ขยายตัวดีขึ้นกว่าปี 2566 ซึ่งเติบโตร้อยละ 2 ธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวในปี 2568 โดยขยายตัวร้อยละ 2.8 ในปีนี้

"แม้ว่าการส่งออกจะปรับตัวดีขึ้น แต่เรายังไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้เป็นเพราะความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐ และการส่งออกรถยนต์หดตัวในปี 2567 ในหลายปีที่ผ่านมา การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนมากกว่าภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การบริโภคในประเทศเริ่มชะลอตัวลง และโครงการ digital wallet เฟสต่อไปมูลค่าประมาณ 1.4 แสนล้านบาท (หรือร้อยละ 0.8 ของจีดีพี) ซึ่งมีกำหนดเริ่มโครงการในเดือนเมษายนนี้ ยังเป็นที่จับตามอง" ดร.ทิม กล่าว

"ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากต้นปีจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 3.97 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2562 และคาดว่าตัวเลขจะดีขึ้นอีกในครึ่งปีหลังของปีนี้"

"ในครึ่งปีหลัง อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐ อีกทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจยังขาดปัจจัยหนุนอื่น นอกเหนือไปจากการบริโภคและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว" ดร.ทิมกล่าวเสริม

ธนาคารคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ในปี 2568 (เทียบกับร้อยละ 0.6 ในปี 2567) สอดคล้องกับมุมมองการเติบโตที่เป็นไปอย่างเฝ้าระวัง

"เราคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 1.3 ในปี 2568 (เทียบกับร้อยละ 0.4 ในปี 2567) การฟื้นตัวของภาคบริโภคเบาบาง ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงในช่วงกลางปี ก่อนจะเร่งตัวอีกครั้ง" ดร.ทิม กล่าว

ธนาคารคงประมาณการเงินบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ที่ร้อยละ 4 ของจีดีพี (เทียบกับร้อยละ 2.3 ในปี 2567) ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปน่าจะกลับเข้าสู่กรอบร้อยละ 1-3 ของธปท. ทั้งนี้เนื่องมาจากฐานต่ำ

นอกจากนี้ เรายังคงเฝ้าระวังเรื่องการค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าตัวเลขล่าสุดจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม ดร.ทิมกล่าว

สงครามการค้า - แนวโน้มผลกระทบต่อประเทศไทย

การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและจีนลดลง เปรียบเทียบกับผลทดแทน ความเสี่ยงต่อจีดีพีที่ลดลง เทียบกับ มุมมองที่เฝ้าระวังแล้วของธนาคาร ผลกระทบต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ยังประเมินไม่ได้ชัดเจน เกิดการลดลงของเงินเฟ้อของไทย เทียบกับเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าจากจีนจะส่งแรงกดดันต่อ SME ของไทย การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทไทยอาจถูกตามดู การเข้ามาของการลงทุนตรงจากบริษัทต่างชาติ เนื่องจากบริษัททั่วโลกต้องการกระจายความเสี่ยงออกจากจีน โอกาสแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่มีความขัดแย้งกับฝ่ายใด โดยมีจุดยืนที่เป็นกลางท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าของโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ