
บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ Wedbush Securities จัดงาน สัมมนาการลงทุนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "AI on the Rise" ชวนนักวิเคราะห์ชื่อดังระดับโลก แดน ไอฟส์ (Dan Ives) พร้อมทีมนักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ร่วมแนะนำการลงทุนหุ้นต่างประเทศ พร้อมลงลึกมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้ม AI ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และโอกาสการลงทุนในอนาคต
กิติชาญ ศิริสุขอาชา หัวหน้าฝ่าย Investment Solutions ของเมย์แบงก์ ประเมินถึงแนวโน้มการลงทุนในปี 2025 โดยให้มุมมองการลงทุนเชิงบวก (Overweight - OW) ต่อตลาดหุ้นตลาดสหรัฐฯ อินเดียและเวียดนาม โดยมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะได้รับประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ และคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 10-12% ในปี 2025-2026 สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดพัฒนาแล้วที่ 7-9% ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ในขณะที่เวียดนามกำลังจะถูก Upgrade เข้าสู่ FTSE Emerging Market ในเดือนกันยายน 2025 หนุนการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ อีกทั้งมีอัตราการเติบโตของกำไรสูงสุดในเอเชียที่ 25% และยังมี Valuation ที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ส่วนอินเดียได้แรงหนุนจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลังจากปรับขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี รวมถึงโครงสร้างประชากรวัยหนุ่มสาวที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกจากอินเดียเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น โดยรวมแล้วทั้งสามตลาดมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งโดยมีปัจจัยสนับสนุนที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เมย์แบงก์มองว่ายังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุน
ในขณะที่ตลาดหุ้น ยุโรป (EU), ญี่ปุ่น (Japan) และจีน (China) ได้รับมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ด้วยเหตุผลที่ยุโรปได้รับแรงหนุนจาก การลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB และแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว แต่ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าและการเมืองในฝรั่งเศสและเยอรมนี ขณะที่ญี่ปุ่นมีแรงหนุนจาก ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และ GDP ที่ขยายตัว 2.8% YoY ในไตรมาส 4/2024 สูงกว่าคาดการณ์ แต่ต้องจับตาแนวโน้มเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ส่วนจีนได้รับสัญญาณบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและ Valuation ที่ยังไม่แพง (Forward PER 12.9 เท่า) แต่ยังเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยดัชนี PPI ลดลงต่อเนื่อง 27 เดือนและราคาน้ำมันที่ปรับลดลง 5% ในเดือนมกราคมยังเป็นแรงกดดันต่อการบริโภคของประเทศ ดังนั้น แม้ทั้งสามตลาดมีปัจจัยสนับสนุน แต่ยังเผชิญความไม่แน่นอน จึงได้รับมุมมองเป็นกลาง (Neutral) จากเมย์แบงก์
ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ได้รับมุมมองเป็นบวก แดน ไอฟส์ นักวิเคราะห์ชื่อดังระดับโลกจาก Wedbush ได้แสดงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยเขามองว่าการปฏิวัติ AI ในปัจจุบันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของการลงทุนด้านเทคโนโลยี Nvidia เป็นศูนย์กลางของกระแสนี้ และคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของบริษัทจะพุ่งขึ้นถึง 4-5 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากความเป็นผู้นำในตลาดชิป AI ไอฟส์ชี้ว่าทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ลงทุนในชิปของ Nvidia จะก่อให้เกิดผลคูณ 8-10 เท่าในระบบนิเวศเทคโนโลยี กระตุ้นการเติบโตของซอฟต์แวร์ โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ และแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภค และบริษัทอย่าง Microsoft, Google, Amazon และ Palantir กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้ประโยชน์จาก AI และชี้ว่าการนำ AI มาใช้ในภาคธุรกิจยังอยู่ในระยะเริ่มต้น โดยมีเพียง 4% ขององค์กรในสหรัฐฯ เท่านั้นที่เริ่มใช้ AI
อีกทั้ง บริษัทอย่าง Tesla ไม่ใช่แค่บริษัทผลิตรถยนต์ แต่เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยมูลค่าตลาดที่เขาคาดการณ์ไว้ว่าจะสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในด้านยานพาหนะและหุ่นยนต์อัตโนมัติที่อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด นักลงทุนไม่ควรโฟกัสที่การประเมินมูลค่าในระยะสั้น แต่ควรมองถึงศักยภาพการเติบโตระยะยาวที่ขับเคลื่อนโดย AI ไอฟส์สนับสนุนให้ลงทุนในเทคโนโลยีอย่างกล้าหาญ แทนที่จะเลือกอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตช้า และเน้นย้ำว่า การปฏิวัติ AI เพิ่งจะเริ่มต้น และผู้ที่เปิดรับมันจะเป็นผู้ที่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด
ทั้งนี้ เมย์แบงก์ ได้แนะนำ DR/DRx Top Picks ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุน ประกอบด้วยหุ้นจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก อาทิ Amazon (AMZN80X) บริษัทเทคโนโลยี e-Commerce และ Cloud ที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัล, Nvidia (NVDA80X) ผู้นำด้านชิปประมวลผลกราฟิกและ AI ซึ่งมีการเติบโตในหลายอุตสาหกรรม, Sanofi (SANOFI80) บริษัทเวชภัณฑ์ระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการพัฒนายาและวัคซีน, และ ASML (ASML01) ผู้นำด้านเครื่องผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Extreme Ultraviolet นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ ETF Vietnam Diamond Index (FUEVFVND01) ที่ลงทุนในหุ้นเวียดนามคุณภาพสูง, BYD (BYDCOM80) ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าชั้นนำของโลกที่เติบโตในตลาดจีนและต่างประเทศ และ Tencent (TENCENT80) บริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น WeChat, FinTech และ Entertainment โดยหุ้นเหล่านี้สะท้อนโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต
ผู้สนใจลงทุนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Maybank Invest https://bit.ly/InvestwithMaybankInvest ได้ทั้ง IOS และ Androids หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-658-5050 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. หรือ Line @maybankfriends