กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--กทม.
ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ เผยปฏิบัติการพื้นที่สีเขียวและรณรงค์ลดโลกร้อน พร้อมประกาศก้อง “กรุงเทพฯ วันนี้ต้องเป็นสีเขียว” จะเดินหน้ากิจกรรมทุกรูปแบบสร้างความสุขให้คนกรุงเทพฯ พร้อมตอกย้ำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองอนาคตเพื่อคนรุ่นใหม่ หรือ “เจเนอร์เรชั่นจี” ที่ทันสมัยร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งทีมศึกษาค่าเดินรถผ่านเมืองชั้นใน หวังช่วยประหยัดพลังงาน แก้ปัญหาจราจร และภาวะโลกร้อน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศ “วาระกรุงเทพฯ สีเขียว” (Bangkok Green Agenda 2008) พร้อมแถลงความคืบหน้าและแผนปฏิบัติการกรุงเทพฯ สีเขียว ครบ 1 ปี ซึ่งกรุงเทพมหานคร ได้เดินหน้าสร้างเครือข่ายแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนจากประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงปรับยุทธศาสตร์ทิศทางการบริหารเมืองและพัฒนากรุงเทพฯ ในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการเติบโตบนพื้นฐานความพอเพียงและยั่งยืน พร้อมทั้งจะเดินหน้าผนึกกำลังทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด และผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองแห่งอนาคตที่น่าอยู่ ภายใต้กรอบดำเนินการ “วาระกรุงเทพฯ สีเขียว”ทั้ง 6 ด้าน
ปรับยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ สีเขียว ครอบคลุมสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเมือง
สำหรับ 6 แนวทาง ภายใต้วาระกรุงเทพฯ สีเขียว Bangkok Green Agenda 2008 ประกอบด้วย 1.Green Society “เขียว” สังคมสะดวก ประหยัดทันสมัย โดยการส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน การใช้รถจักรยานแทนรถยนต์ การส่งเสริมพลังงานทางเลือก และการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแทนการเดินทาง 2.Green Living “เขียว” สุขภาวะสมบูรณ์ ชีวิตมั่นคง เพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพอนามัย เน้นการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกายในสวนสาธารณะ 3.Green Zone “เขียว” ธรรมชาติสะอาด อากาศสดใส กำหนดพื้นที่สีเขียวที่มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี 4.Green Generation “เขียว” สานฝันคนรุ่นใหม่ เรียนรู้ทันโลก ซึ่งเป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษา 5.Green Community “เขียว” ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนผูกพัน โดยรณรงค์และจัดกิจกรรมกระตุ้นให้ทุกชุมชนเข้มแข็งและร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อลูกหลาน และ 6.Green Economy “เขียว” เศรษฐกิจชุมชน บนความพอเพียง ดึงภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
สร้าง Gen G ดูแลสิ่งแวดล้อม และสานต่อกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ภายใต้การบริหารของ ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้เดินหน้าการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ชาวกรุงเทพมหานคร เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งสิ่งแวดล้อม โดยจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยการลดปัญหาภาวะโลกร้อนของกรุงเทพมหานคร ปี 2550-2555 ร่วมกับ 36 องค์กร ดำเนินกิจกรรมเพื่อรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนมาตั้งแต่วันพุธที่ 9 พ.ค.50 พร้อมทั้งกำหนดให้ทุกวันที่ 9 ของทุกเดือนจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักและความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่งผลต่อภาวะเรือนกระจก และเร่งสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียว สิ่งแวดล้อมดี ผู้คนมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ หรือ Green Generation (Gen G) ซึ่งเป็นอนาคตที่สำคัญที่จะเติบโตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และสานต่อแนวทางสร้างความสุขให้คนกรุงเทพฯ สู่กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ต่อไป
ศึกษาแนวคิดเมืองใหญ่จัดเก็บค่าเดินรถบุคคลในเขตรถไฟฟ้า
ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ กรุงเทพมหานคร ได้เดินหน้ารณรงค์กิจกรรมลดโลกร้อน ครบรอบ 1 ปี ซึ่งที่ผ่านมาจะเน้นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก แต่ในการดำเนินงานปีที่ 2 จะปรับยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการบริหารจัดการเมือง นอกจากนี้จะศึกษาแนวคิดของเมืองขนาดใหญ่ เช่น สิงคโปร์ ลอนดอน และนิวยอร์ค เป็นต้น เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าเดินรถยนต์ส่วนบุคคลในย่านที่มีระบบรถไฟฟ้า หรือ Concession Charge ในย่านสีลม สุขุมวิท สาทร และย่านธุรกิจชั้นใน เพื่อกระตุ้นสำนึกประหยัดพลังงาน ลดการใช้น้ำมัน รถยนต์ส่วนบุคคล และแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด โดยมอบหมายให้สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ร่วมกับสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ทำการศึกษาวิจัยในเมืองที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการ รวมทั้งสำรวจความคิดเห็นของประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีการจัดเก็บค่าบริการดังกล่าวจะต้องชี้แจงและทำความเข้าใจต่อประชาชนด้วย