
TACC สุดสตรอง! ปี 67 กำไรสุทธิ 240.76 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.60% บอร์ดเคาะจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.19 บาท/หุ้น รับเงิน 21 พ.ค. 68 นี้ ปักธงรายได้ปี 68 โตเกิน 10% ลุยพัฒนาโปรดักส์ใหม่ รองรับดีมานด์ลูกค้า
บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) โตแกร่ง! ปี 67 กวาดรายได้รวมกว่า 1,951.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.76% กำไรสุทธิ 240.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60% เทียบปีที่ผ่านมา บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 พ.ค. 68 รับเงิน 21 พ.ค. 68 นี้ ฟากผู้บริหาร "ชัชชวี วัฒนสุข" ประกาศพร้อมเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ ร่วมกับกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) และกลุ่มธุรกิจ B2C รองรับดีมานด์ผู้บริโภคยุคใหม่ มั่นใจรายได้ปี 68 โตเกิน 10% ตามแผน
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีรายได้รวม 1,951.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.76% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท และปี 2567 มีกำไรสุทธิ 240.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 221.69
ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner และกลุ่มธุรกิจ B2C ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มนักเรียน พนักงานบริษัท และนักท่องเที่ยวที่มากกว่าปีที่แล้ว และมีรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการบริหารต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2567 ในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 10% ขึ้นไป จากปีก่อน โดยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ผ่านนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ ให้กับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ อีกทั้งยังเน้นการสร้างกลุ่มธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่มาจากการ M&A, JV เพื่อเป็น New S-Curve สามารถมาต่อยอดกับธุรกิจเดิม และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต