
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนสังกัด กทม. และพื้นที่โดยรอบว่า สนศ. ให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์และแนวโน้มของเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงต่อการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับโรงเรียน ชุมชน และหน่วยงานภายนอก เพื่อดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในระดับโรงเรียน ได้กำหนดให้โรงเรียนในสังกัดจัดตั้งกลไกการเฝ้าระวังภายในโรงเรียน มีการตรวจกระเป๋านักเรียนก่อนเข้าโรงเรียน และจัดทำ Dropbox สำหรับให้นักเรียนที่เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถนำมาส่งคืนโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน จัดครูเวรและครูประจำชั้นตรวจคัดกรองและป้องกันก่อนเข้าโรงเรียน
รวมทั้งเฝ้าระวังจุดเสี่ยงภายในโรงเรียน เช่น ห้องน้ำ สนามกีฬา และจุดที่นักเรียนรวมกลุ่มกัน ขณะเดียวกัน โรงเรียนได้จัดโครงการแกนนำเด็กและเยาวชน Gen Z ไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า โดยจัดตั้งชมรม Gen Z ในโรงเรียน พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เพจเฟซบุ๊ก เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้นักเรียนพัฒนาศักยภาพและขยายเครือข่ายไปยังโรงเรียนใกล้เคียง เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังและสร้างความตระหนักรู้ รวมทั้งประสานหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานเขต กรมควบคุมโรค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เครือข่ายผู้ปกครองและชุมชน เพื่อช่วยกันเฝ้าระวังการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยนำข้อมูลที่ได้รับมาปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โรงเรียนมีการรายงานผลการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และดำเนินงานตามนโยบายของ กทม. อย่างเคร่งครัด โดยจัดประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ เพื่อติดตามและขับเคลื่อนงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน สนศ. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเขต สถานีตำรวจท้องที่ กรมควบคุมโรค และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตรวจสอบและกวดขันการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะบริเวณรอบโรงเรียนในสังกัด รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่มีลักษณะคล้าย Art Toy ซึ่งอาจทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย โดยลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าและแหล่งจำหน่ายในพื้นที่เสี่ยง รับแจ้งเบาะแสจากเครือข่ายผู้ปกครองและชุมชน รวมถึงบูรณาการร่วมกับสำนักงานเขตฯ สอดส่องร้านค้ารอบโรงเรียนและเฝ้าระวังไม่ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชน รวมทั้งรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง และติดตามผล เพื่อป้องกันไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดในกลุ่มนักเรียน
นอกจากนี้ ยังได้จัดมาตรการเชิงรุกในการให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและสารเสพติด ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับช่วงวัย โดยบรรจุเนื้อหาลงในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่น วิทยาศาสตร์ สุขศึกษา สังคมศึกษา และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้วยการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้และทักษะชีวิต เช่น โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อให้นักเรียนช่วยกันเฝ้าระวัง โครงการครู D.A.R.E. ให้ความรู้เรื่องยาเสพติด โครงการกีฬาต้านยาเสพติด เพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างสรรค์เวทีดนตรีและศิลปะสำหรับเยาวชน เพื่อให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ รวมทั้งส่งเสริมให้โรงเรียนในสังกัดจัดตั้งชมรม To Be Number One เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับเยาวชนผ่านกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะชีวิต เช่น การปฏิเสธสิ่งเสพติด การให้คำปรึกษาโดยเพื่อนรุ่นพี่ และการจัดกิจกรรมกีฬา ดนตรี ศิลปะ และจิตอาสา เพื่อลดโอกาสที่เด็กจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและสารเสพติด สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน โดยให้ความรู้ผ่านเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียนและวันประชุมผู้ปกครอง พร้อมทั้งสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนอย่างใกล้ชิด โดยครูที่ปรึกษาและแกนนำนักเรียน เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และหากพบเด็กที่มีแนวโน้มเสี่ยงจะให้คำปรึกษาและความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มาตรการทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อให้โรงเรียนในสังกัด กทม. เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า และสารเสพติด ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะชีวิตที่สามารถตัดสินใจปฏิเสธสิ่งเสพติดได้อย่างมั่นใจ
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สนอ. ได้ดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจัดทำฐานข้อมูลสถานที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในแผนที่ Risk map ของ กทม. โดยมีสำนักงานเขตและสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นผู้สำรวจและแจ้งพิกัดที่ตั้ง ปัจจุบันลงพิกัดแล้ว 102 ร้าน ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และพิจารณาแนวทางการควบคุมการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่รอบสถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่ที่พบปัญหาในกรุงเทพฯ กำกับ ติดตาม และรายงานผลการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับร้านที่จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าตามข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ Risk map ผ่านกลไกประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ศอ.ปส.กทม.) รวมทั้งจัดอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ของ กทม. (เฉพาะการบังคับใช้กฎหมายบุหรี่ไฟฟ้า)
นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างเคร่งครัด และประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สคบ. กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรมศุลกากร และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อตรวจสอบกวดขันการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบโรงเรียนสังกัด กทม. และโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินงานตามประกาศ กทม. เรื่องแนวทางปฏิบัติเพื่อการป้องกันและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนสังกัด กทม. และรวบรวมสื่อการสอนรูปแบบต่าง ๆ ให้สถานศึกษาได้สอดแทรกความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามแนวทาง 7 มาตรการสถานศึกษาปลอดบุหรี่