
บริการรถรับส่งผ่านแอป หรือ e-hailing กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่คนไทย ผู้คนจำนวนมากเลือกใช้บริการดังกล่าวเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง ทั้งในชีวิตประจำวันและในโอกาสพิเศษ โดยถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้คนยุคใหม่ในหลาย ๆ แง่มุม ทีมวิจัยของแอปเรียกรถ Maxim ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการใช้งานในปี 2024 โดยเปิดเผยสถิติเกี่ยวกับความถี่ในการใช้บริการ ประเภทรถที่ได้รับความนิยม และค่าใช้จ่ายโดยประมาณของผู้ใช้
จากข้อมูลพบว่า 49% ของผู้ใช้เรียกใช้บริการสองครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่ 39% ใช้บริการสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และ 10% ใช้บริการสามถึงหกครั้งต่อสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่จะเดินทางจากพื้นที่สาธารณะ สถานีขนส่ง และสถานที่ทำงานไปยังที่อยู่อาศัย และเป็นการเรียกใช้แบบกระจายตัวทั่วพื้นที่ที่ให้บริการ
ในด้านตัวเลือกการบริการ รถยนต์เป็นตัวเลือกที่นิยมมากที่สุด คิดเป็น 53% ของทั้งหมด เนื่องด้วยความสะดวกสบาย ขณะที่จักรยานยนต์มีสัดส่วนเป็น 41% เนื่องจากความรวดเร็วที่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมือง ส่วนอีก 5% เป็นบริการอื่น ๆ
ข้อมูลจาก Maxim ยังชี้ให้เห็นอีกว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายในการเดินทางรายสัปดาห์ของผู้ใช้อยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับรายได้โดยเฉลี่ย จากข้อมูลพบว่า 59% ใช้จ่ายสูงสุด 50 บาทต่อสัปดาห์ 36% ใช้จ่ายไม่เกิน 250 บาท และเพียง 13% ใช้จ่ายเกินกว่าจำนวนนั้น คิดเป็นค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 108 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของพนักงานออฟฟิศที่ 25,000 บาท การใช้บริการนี้คิดเป็นเพียงประมาณ 1.7% ของรายได้ ทำให้บริการเรียกรถผ่านแอปเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการเดินทางประจำวัน
นอกเหนือจากความคุ้มค่าแล้ว บริการรถรับส่งผ่านแอปยังส่งผลต่อบริบทการคมนาคมที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคมไทย โดยเฉพาะในเมืองที่การจราจรหนาแน่นอย่าง กรุงเทพฯ โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นทางเลือกที่สะดวกสะบายเมื่อเทียบกับการครอบครองรถยนต์ส่วนตัว อีกทั้งยังช่วยบรรเทาการจราจรติดขัดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้การเดินทางในเมืองมีความคล่องตัวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
"เราใช้บริการเรียกรถผ่านแอปประมาณสามถึงหกครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางระหว่างที่ทำงานกับบ้าน เพราะสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการหาที่จอดรถ และไม่ต้องเจอกับรถติด ทำให้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้น" คุณกิตติยา รัตนสุนทรากร ผู้ใช้ Maxim ในกรุงเทพฯ กล่าว
"ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวิถีการเดินทางของผู้คนในปัจจุบัน ผู้ใช้จำนวนมากลือกใช้แอป Maxim ในการเดินทางประจำวัน เราเองก็มีการพัฒนา ปรับปรุงบริการของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งาน และไม่มองข้ามปัญหาต่าง ๆ อย่าง เรื่องรถติดและการปล่อยมลพิษ" นายพงศ์พัฒน์ อักษราวรกานต์ ผู้บริหารแอปพลิเคชัน Maxim ประเทศไทย กล่าว "และเราไม่ได้มุ่งพัฒนาบริการแค่ในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับเมืองรองที่การขนส่งสาธารณะมีจำกัด" เขากล่าวเสริม