ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) คว้ารางวัล The Most Future Brand 2025 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และความยั่งยืน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 6, 2025 17:47 —ThaiPR.net

ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) คว้ารางวัล The Most Future Brand 2025 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และความยั่งยืน

บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพ ภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย หรือ SBFT คว้ารางวัล The Most Future Brand 2025 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรชั้นนำ ที่สร้างพลังขับเคลื่อนให้กับวงการธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มีแนวคิดในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน จัดโดย Future Trends บริษัทสื่อชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้คอนเซปต์ Trends for Better Life โดยมี นางสาวเพียงจิต ศรีประสาธน์ รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบรรษัทสัมพันธ์ ประเทศไทยและอินโดไชน่า เป็นตัวแทนบริษัทฯ ขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SBFT ในการเป็นองค์กรแห่งอนาคตที่พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวเพียงจิต ศรีประสาธน์ รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบรรษัทสัมพันธ์ ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การได้รับรางวัล The Most Future Brand 2025 ถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เพราะสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คน ทั้งพนักงานในองค์กรและประชาชนทั่วไปในสังคมไทย ตลอดจนดูแลสิ่งแวดล้อมไปควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้ปรัชญาขององค์กร 3 ประการ ได้แก่

  • "Growing for Good" (การเติบโตอย่างยั่งยืน) ที่มุ่งเน้นให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
  • "Yatte Minahare" (จิตวิญญาณของผู้กล้าลงมือทำ) ไม่หวาดกลัวกับความผิดพลาด ปฏิเสธที่จะยอมแพ้หรือเลิกล้มความตั้งใจ และมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อต่อการสรรสร้างคุณค่าใหม่ ๆ
  • "Giving Back to Society" (การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม) โดยนำสิ่งที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจกลับคืนสู่สังคม รวมถึงการดูแลลูกค้าและพันธมิตร
  • ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" เพื่อสร้างจิตสำนึกและมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์น้ำให้กับเยาวชนไทย, กิจกรรม One Suntory Helping Hands ส่งเสริมการแสดงพลังจิตอาสา พร้อมปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมให้กับพนักงาน

    นอกจากนี้บริษัทฯ ยังสนับสนุนพนักงานให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัท ทั้งด้านอาชีพและการมีคุณภาพชีวิตที่สมดุล ภายใต้ "ทักษะผู้นำของซันโทรี่" (Suntory Leadership Spirit หรือ SLS) ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญของชาวซันโทรี่ทั่วโลก ประกอบด้วย

  • Yatte Minahare (จิตวิญญาณของผู้กล้าลงมือทำ) ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มุ่งมั่น และไม่เคยยอมแพ้ มีพลังที่จะขับเคลื่อนและทุ่มเท คิดทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่มีคุณค่าและสร้างสรรค์ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผ่านการทดลองด้วยการลงมือปฏิบัติ และเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวไปพร้อมกัน
  • Gemba Focused การลงพื้นที่จริง เพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ลูกค้า และเพื่อนร่วมงานอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้เห็นโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์และส่งมอบคุณค่า
  • Better Together (ร่วมมือกัน) ร่วมมือกันทำงานกับผู้อื่นเพื่อส่งเสริมมุมมองที่หลากหลาย พร้อมสร้างวัฒนธรรมของการยอมรับความแตกต่างและพลังของการทำงานเป็นทีม
  • Future Oriented (มุ่งสู่อนาคต) เปิดรับมุมมองใหม่ที่เป็นไปได้ในอนาคต และพัฒนาแผนงานที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ "Growing for Good" ที่สนับสนุนการทำงานเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
  • Commitment to Growth (มุ่งมั่นที่จะเติบโต) แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองและผู้อื่นให้เติบโตแบบองค์รวมในระยะยาว ควบคู่กับการสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานตามเป้าหมายขององค์กร
  • จากความยึดมั่นในการดำเนินงานตามค่านิยมองค์กรทั้งสามประการ ประกอบกับการนำ "ทักษะผู้นำของซันโทรี่" มาเป็นหลักในการปฏิบัติ ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จในหลากหลายด้าน นำไปสู่การได้รับรางวัลในครั้งนี้ อาทิ การนำแนวคิด Gemba มาใช้ในการสร้างความเข้าใจผู้บริโภค รวมทั้งความกล้าที่จะทดลองทำสิ่งใหม่จากค่านิยม Yatte Minahare ไปพร้อม ๆ กับการประสานความร่วมมือระหว่างทีมงานที่หลากหลายจากแนวปฏิบัติ Better Together ส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จในการสร้างกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อสร้างชื่อเสียง ยกระดับการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค ตลอดจนการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการผลิต นอกจากนี้ ยังนำค่านิยม Growing for Good และแนวปฏิบัติเรื่อง Future Oriented มาเป็นแกนหลักขององค์กรในการสร้างแผนงานและกิจกรรมด้านความยั่งยืน ที่ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานขององค์กรในอนาคตเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงดูดผู้บริโภคในปัจจุบันและพนักงานที่มุ่งสนับสนุนองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชนและประเทศที่เราดำเนินการอยู่ด้วย

    "พนักงานของเราคือหัวใจหลักของทุกสิ่งที่เราทำ การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ และการสร้างโอกาสแห่งความก้าวหน้าของแต่ละบุคคล ผ่านการยึดมั่นในค่านิยมและหลักปฏิบัติขององค์กร จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ต่อเนื่อง ทำให้ 'การเติบโตอย่างยั่งยืน' ขององค์กรเกิดขึ้นได้จริง" นางสาวเพียงจิต กล่าว


    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ