
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับสมาคมทรัพย์สินทางปัญญา แห่งประเทศไทย (IPAT) และบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด จัดเสวนาครั้งสำคัญในหัวข้อ "Innovating Together: Shaping the IP Landscape in the Age of Generative AI" เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมสภาพแวดล้อมด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้สามารถนำศักยภาพของ AI มาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจ พร้อมส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถพัฒนากรอบนโยบายและกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้ทันสมัยและรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวนุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า "ปัจจุบัน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ หรือ Generative AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกมิติของสังคมและเศรษฐกิจ ตั้งแต่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ วรรณกรรม ดนตรี ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ นำมาซึ่งโอกาสมหาศาลในแง่ของนวัตกรรมและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายที่สำคัญในด้านกฎหมายและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในประเด็นเกี่ยวกับการนำข้อมูลไปใช้ฝึกโมเดล AI ไปจนถึงประเด็นการให้ความคุ้มครองต่อผลงานที่ Generative AI ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งความท้าทายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรืออุตสาหกรรมสร้างสรรค์ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมและหาแนวทางรับมือที่เหมาะสมกับความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้อย่างเป็นระบบ"
นางสาวนุสราฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "กรมทรัพย์สินทางปัญญาตระหนักถึงความท้าทายด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดขึ้น จึงได้จัดการเสวนาในครั้งนี้ขึ้น เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา บริษัทเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และผู้กำหนดนโยบายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนากรอบกฎหมายและการดำเนินการที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของสิทธิและการส่งเสริมนวัตกรรม เพื่อเตรียมสภาพแวดล้อมด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล สอดรับกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและข้อมูลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความล้ำสมัย ดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่จากต่างประเทศ อีกทั้งพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้สามารถใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ยกระดับการดำเนินธุรกิจและการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างยั่งยืน"
นางสาวนุสราฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า "การเสวนาครั้งนี้เป็นเวทีที่รวบรวมมุมมองและแนวทางจากต่างประเทศในประเด็นด้านทรัพย์สินทางปัญญาและ Generative AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นเกี่ยวกับข้อยกเว้นสำหรับกรณีการทำเหมืองข้อความและข้อมูล (Text and Data Mining) โดยศึกษาประสบการณ์จากประเทศชั้นนำอย่างสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสที่ประเทศไทยจะพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อยกเว้นดังกล่าวในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ โดยในวันนี้ถือเป็นก้าวแรกในการร่วมกันออกแบบและกำหนดภูมิทัศน์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI เพื่อนำไปสู่การตกผลึกแนวทางและนโยบายที่เหมาะสม อันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศต่อไป"