
ปัจจุบัน Silver Gen เป็นกลุ่มประชากรที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง BrandThink และพาร์ทเนอร์ CountUp โซลูชันการสื่อสารและธุรกิจสำหรับ Silver-aging แบบ N2N แห่งแรกในไทย จึงจับมือร่วมกันเติมเต็มช่องว่างระหว่างวัยด้วยความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเผยอินไซต์ที่น่าสนใจในงาน Open House & Synergy Talk: Creative Change 2025 เพื่ออัปเดตเทรนด์และไอเดียในการขับเคลื่อนสร้างพลังแห่งความเปลี่ยนแปลง สู่การผลักดันธุรกิจและครีเอเตอร์ให้เติบโตต้อนรับโอกาสใหม่ที่น่าจับตา
ชูแนวคิด Synergy เติมเต็มช่องว่างระหว่างวัยด้วยความสร้างสรรค์
นายจักรพันธุ์ ขวัญมงคล บรรณาธิการบริหารสายงานธุรกิจ และ ผู้อำนวยการฝ่ายงานสร้างสรรค์ CountUp เปิดเผยว่า Sliver Gen หรือคนวัย 50 ปีขึ้นไป เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศที่มีกำลังซื้อสูง และถือเป็นช่วงวัยที่น่าจับตา เนื่องจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการแพทย์ ทำให้ผู้บริโภคมีความอ่อนเยาวน์ที่ยาวนานขึ้น และเพื่อให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและเข้าใจคนกลุ่มนี้ได้ BrandThink และพาร์ทเนอร์ CountUp โซลูชันการสื่อสารและธุรกิจสำหรับ Silver-aging แบบ N2N แห่งแรกในไทย เล็งเห็นโอกาสสำคัญในการเจาะตลาดนี้ ร่วมสร้างนิยามใหม่สู่ Sliver Gen 2.0 ขยายช่วงอายุไปจนถึงวัย 45 ปี ที่เตรียมเข้าสู่ Sliver Gen เพื่อเบิกทางสู่โอกาสใหม่ในการเข้าถึงฐานผู้บริโภคกลุ่มนี้
นอกจากนี้ BrandThink ยังได้เชื่อมโยงความเชี่ยวชาญและอินไซต์ของ CountUp
มาผสานต่อยอดกับความสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ผ่านแนวคิด 'Synergy for Change' เพื่อพัฒนาคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพและเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ทั้งในด้านการสื่อสาร และกลยุทธ์ทางการตลาด
Silver Gen 2.0 โอกาสใหม่ สู่ตลาด Blue Ocean
นางสาววรรณา สวัสดิกูล ผู้ก่อตั้ง CountUp ร่วมเผยข้อมูลอินไซต์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับที่มาของการสร้างนิยาม Silver Gen 2.0 ว่า Silver Gen เป็นประชากรที่เติบโตเร็วและทรงอิทธิพลที่สุด โดยประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ซึ่งมีประชากร Silver Gen คิดเป็น 25% ของประชากรทั้งหมดในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2030 ทำให้คนวัยนี้เป็นกลุ่มตลาด Blue Ocean ที่มีอัตราการเติบโตสูง รวมทั้งยังมีกำลังซื้อสูงมีความภักดีต่อแบรนด์ ใช้เวลาในโลกออนไลน์มากขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้เล่นทางธุรกิจที่เข้ามาแข่งขันในตลาดกลุ่มนี้มีไม่มากนัก
ปัจจุบันคนวัยนี้เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมแตกต่างจากภาพจำเดิม ๆ ของเราในอดีตอย่างมาก เนื่องจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เทคโนโลยี และการแพทย์ที่พัฒนาขึ้น ทำให้คนกลุ่มนี้ดูหนุ่มสาวมากขึ้น มีทัศนคติที่พร้อมเปิดรับสิ่งต่าง ๆ และใช้ชีวิตอย่างเต็ม นำมาสู่คุณลักษณะเด่นของกลุ่ม Sliver Gen 2.0 คือ
- Feel Younger มีไลฟ์สไตล์กระฉับกระเฉง มองโลกในแง่บวก ไม่ยึดติดกับอายุ และยังคงพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- Fitter Than Ever ใส่ใจดูแลสุขภาพดีขึ้นและการออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าคนวัยเดียวกันในอดีต
- Healthy Eating ให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- More Outgoing ชอบออกไปพบปะสังสรรค์ ท่องเที่ยว และทำกิจกรรมที่ช่วยให้เชื่อมโยงกับสังคม
- Learning New Skills ไม่หยุดเรียนรู้ สนใจพัฒนาตัวเองผ่านการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ
- Autonomous Living ใช้ชีวิตเป็นอิสระและมีคุณภาพ ไม่พึ่งพาคนอื่น และมีความมั่นใจในตัวเอง
นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech-savvy) และใส่ใจสุขภาพ (Health-conscious) มากขึ้น
โอกาสและความท้าทายของธุรกิจในการบุกตลาด Sliver Gen 2.0
นายอริยะ พนมยงค์ ผู้ก่อตั้ง Transformational ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน โดยในนั้นมีประชากร Silver Gen ถึง 14 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด และยังเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์สูง ไม่ว่าจะเป็น LINE, YouTube, Facebook และ TikTok แต่ทั้งนี้คนวัยดังกล่าวบางส่วนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมออนไลน์ และเรื่องความปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงในโลกออนไลน์ ทำให้ธุรกิจที่อยากเข้าถึงตลาดวัยนี้ ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งแรก รวมทั้งสิ่งที่คนวัยนี้มองหาจากธุรกิจ คือ
- สนใจคุณภาพมากกว่าราคา Silver Gen เป็นวัยที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมยินดีจ่ายเพื่อสินค้าที่มีคุณภาพ ดีต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต
- ชอบความคุ้นเคย ไว้ใจได้ เป็นวัยที่มีความภักดีหรือ Loyalty กับแบรนด์สูง ชอบใช้สินค้าหรือแบรนด์ที่มีความคุ้นเคยและเชื่อถือได้
- มองหาความหมายในชีวิตและโอกาสแบ่งปัน เนื่องจากเป็นวัยที่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมาก ทำให้ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม
การเข้าถึงกลุ่ม Silver Gen 2.0 จึงไม่ใช่แค่การทำคอนเทนต์เพื่อขายของ แต่แบรนด์ต้องเริ่มจากทำความเข้าใจว่าคนกลุ่มนี้ต้องการอะไรจริง ๆ นำมาสู่หัวใจสำคัญคือ การสื่อสารที่จริงใจและตรงใจ ที่จะเป็นประตูสู่โอกาสให้แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับคนวัยนี้ได้อย่างแท้จริง