
LINE ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็น 'แพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย' ผ่านวิสัยทัศน์และโร้ดแมปการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปิดรับการเชื่อมต่อไอเดียของนักพัฒนา พาร์ทเนอร์ และผู้ประกอบการ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน LINE กว่า 56 ล้านคน มุ่งลดต้นทุนด้านทรัพยากรและเวลา พร้อมสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ สร้างโอกาสไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย
ภายในงาน LINE CONFERENCE THAILAND 2025 บนเวทีสัมมนาด้านเทคโนโลยี ได้มีการเผยโร้ดแมป เทคโนโลยีของ LINE ประเทศไทย พร้อมทิศทางสู่การเป็น Platform Provider ผนึกกำลังนักพัฒนาผนวกศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของ LINE เพื่อนำไปต่อยอดเป็นโซลูชั่นที่หลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างครอบคลุม เผย 3 ไฮไลท์สำคัญสำหรับนักพัฒนาไทย กับการเปิดตัว LINE MINIAPP อย่างเป็นทางการ อัปเดตแผนการพัฒนา LINE OAPLUS แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานช่วยนักพัฒนาสร้างโซลูชั่นบน LINE ได้สะดวกขึ้น รวมถึงเตรียมส่งโปรเจ็กต์ใหม่ Bot Marketplace รวมหลากหลายแชทบอทในกรุ๊ปแชทให้ผู้ใช้ LINE ในไทยเลือกใช้งานได้ตามความต้องการในอนาคต
นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (Chief Product Officer)
นอกจากนี้ LINE ยังได้แนะนำ LINE MINIAPP Playground พื้นที่ให้นักพัฒนาสามารถทดลองสร้าง MINIAPP ของตัวเองได้ก่อนพัฒนาจริง พร้อมเปิดเวทีให้ 2 พาร์ทเนอร์อย่าง The Omelet and Anybot Thailand มาร่วมแบ่งปันโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่ขาดความพร้อมด้านทีมนักพัฒนา ให้สามารถสร้าง MINIAPP แบบ Low-code ได้สะดวกยิ่งขึ้น และ OKKAMI หนึ่งในเทคฯ พาร์ทเนอร์ ผู้มากประสบการณ์ที่สร้าง LINE MINIAPP ด้านการจัดการโรงแรมให้กับแบรนด์และองค์กรต่างๆ มากมายในกลุ่มธุรกิจ Hospitality ทั่วโลก
คุณคเณศ กิจเสรีบริรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์พาณิชย์
นอกเหนือจากแผนโร้ดแมปด้านเทคโนโลยีแล้ว LINE ประเทศไทยยังได้แนะนำ LINE DEVELOPER PARTNERโปรแกรมรวบรวมองค์กรนักพัฒนาชั้นนำในไทย ผู้สร้างสรรค์โซลูชั่นบนแพลตฟอร์ม LINE ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยองค์กรนักพัฒนาดังกล่าวจะต้องผ่านการคัดเลือกจาก LINE ด้วย Certified Badge ใน 3 ระดับ ได้แก่ Authorize, Professional และ Expert เพื่อเข้าถึงทักษะความรู้เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญจาก LINE การสนับสนุนด้านการตลาด และโอกาสในการร่วมโปรเจ็กต์กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจองค์กรต่างๆ ระดับประเทศมากมาย โดย LINE DEVELOPER PARTNER มีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ภายในงาน LINE ยังได้เปิดเวทีให้ 3 พาร์ทเนอร์ผู้ผ่านเข้าร่วมโปรแกรมแล้ว มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และ Use Case ที่น่าสนใจ ได้แก่
- Jenosize ผู้พัฒนาเครื่องมือ MarTech แบบ All-in-One ช่วยแบรนด์สร้างโซลูชั่น Shop & Chat ได้อย่างครบวงจร โดยพร้อมปรับแผนโซลูชั่นให้ตอบโจทย์เฉพาะของแต่ละธุรกิจได้ รวมถึงจัดการบริหาร LINE OA ให้ลูกค้าแบรนด์มากมาย ช่วยธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าบน LINE ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- EGG Digital ผู้พัฒนาเครื่องมือ MarTech ครบวงจรด้วยดาต้าอินไซต์ และเป็นผู้พัฒนาต่อยอด LINE Official Notification (LON) ระบบส่งข้อความแจ้งเตือนอัตโนมัติจาก LINE สู่บริการ E-LON ที่ช่วยติดตามการส่งข้อความเพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อความสำเร็จและให้แบรนด์มั่นใจว่าสื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น
- Crescendo Lab บริษัทเทคฯ จากไต้หวันที่กำลังขยายธุรกิจสู่ไทย มุ่งเน้นโซลูชั่นสำหรับธุรกิจ Retail โดยพัฒนาโซลูชั่น MAAC ซึ่งเป็นระบบ AI Learning ที่ช่วยคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าและแนะนำข้อความที่ช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับลูกค้าหลากหลายแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีและโอกาสใหม่ๆ ที่เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาไทยจากงาน LCT25 เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มเปิดที่สนับสนุนนักพัฒนาไทย สามารถเข้ามามีส่วนร่วม ต่อยอดการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ตอบโจทย์คนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไทยสู่อนาคตดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง