
ประเทศไทยให้ความสนใจเรื่องความเท่าเทียมและสิทธิสตรีมากขึ้น สะท้อนได้จากการหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของสตรีขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง จนเกิดความตระหนักรู้และโอกาสที่เปิดกว้างให้กลุ่มผู้หญิงมากขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงเทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมาหากมองถึงมิติวงการนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI พบว่า บทบาทของผู้หญิงกับการมี
ส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเหล่านี้ทั้งในเชิงการวิจัยและพัฒนายังมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากสัดส่วนของผู้หญิงที่เรียนทางด้านนี้มี
ไม่มากนัก แต่จากลักษณะพิเศษบางอย่างในกลุ่มผู้หญิงจะมีส่วนช่วยเติมเต็มการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้มีความสมบูรณ์
มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้ก้าวสู่วงการนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียมในสังคม แต่ยังช่วยทำให้นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นสามารถตอบโจทย์และเป็นประโยชน์กับทุกคนได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมไทย เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เห็นความสำคัญและสนับสนุนการสรรค์สร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียม ขออาสาพาทุกคนไปสำรวจอีกแง่มุมของสิทธิสตรีกับนวัตกรรม พร้อมเปิดเหตุผลว่าทำไมต้องเติมเต็มบทบาทผู้หญิงในวงการนี้!!
มองผ่านเลนส์ NIA กับข้อดีการมีสตรีในวงการนวัตกรรม
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ระบุว่า ข้อดีของการมีผู้หญิงในแวดวงนวัตกรรม คือช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ในสินค้าและบริการมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมีทักษะที่น่าสนใจหลายด้าน เช่น องค์ความรู้ในการสร้างสรรค์งานวิจัยที่มีคุณค่า การประยุกต์งานวิจัยให้เกิดเป็นธุรกิจนวัตกรรมที่เติบโตได้ พื้นฐานการเข้าสังคมที่ช่วยให้นวัตกรรมมีโอกาสต่อยอดขยายผล รวมถึงทักษะทางอารมณ์และความยืดหยุ่นในการรับมือกับปัญหาและอุปสรรคที่จะช่วยลดความตึงเครียดและความขัดแย้งระหว่างผู้ร่วมงาน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 - 3 ปีนี้มีผู้หญิงเข้าสู่วงการเทคโนโลยีและนวัตกรรม
เพิ่มมากขึ้นทั้งสัดส่วนการเรียนและการทำงาน สำหรับ NIA ก็มีกลุ่มผู้หญิงทำงานอยู่กว่าร้อยละ 60 และกลุ่มสตาร์ทอัพ/ผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมที่ขอรับการสนับสนุนก็เพิ่มขึ้นทั้งในด้านเอไอ ฟินเทค การแพทย์ กรีนเทค หรือแม้แต่ในกลุ่มนวัตกรรมเพื่อสังคม โดยนวัตกรรมเหล่านี้ล้วนช่วยสร้างมูลค่าและผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจและสังคม ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และสร้างคุณค่าที่สังคมต้องการ ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งต่อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมในวงกว้าง
ที่ผ่านมา NIA มีกิจกรรมที่เอื้อต่อการส่งเสริมบทบาทสตรีในแวดวงนวัตกรรมหลากหลาย เช่น หลักสูตร NIA X SCB Innovation - Based Enterprise (IBE) รุ่น 4 ภายใต้ธีม Innovative Woman Enterprise ที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการหญิงที่เป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี และยังได้มีโอกาสทำงานกับองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UN WOMEN จัดทำโครงการ WE RISE Together ภายใต้หลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการหญิง "Women's Empowerment Principles: WEPs" เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการสร้างธุรกิจฐานนวัตกรรมให้แก่ผู้ประกอบการผู้หญิง ผลักดันการเข้าถึงระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและเอกชนอย่างเท่าเทียม เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดและการต่อยอดนวัตกรรมผ่านเครือข่ายของ NIA และ UN Women ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจฐานนวัตกรรม โดยมีรัฐบาลออสเตรเลียให้การสนับสนุนผ่านโครงการความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขง-ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังนำผู้ประกอบการผู้หญิงที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA เข้าร่วมโชว์ศักยภาพนวัตกรรมในเวทีต่างประเทศหลายผลงาน ซึ่งช่วยตอกย้ำทั้งความสามารถของประเทศและผู้ประกอบการไทยที่ทัดเทียมนานาชาติ
สำรวจวงการเอไอกับพื้นที่ที่เพียงพอของสตรีในวงการนวัตกรรม
ในปี 2025 เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ผสานรวมกับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การศึกษา หรือการแพทย์ เนื่องจากผู้คนให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงสู่โลกเทคโนโลยี แต่กลับพบสถิติว่าประชากรในวงการนวัตกรรมและเอไอนั้น มีสัดส่วนที่ไม่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศหรือเชื้อชาติ สะท้อนได้จากผลรายงานขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมทางเพศที่ยังคงมีอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แม้จะมีความก้าวหน้าบางส่วน แต่ผู้หญิงยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ซึ่งถือเป็นสาขาที่มีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของเศรษฐกิจโลก แต่ผู้หญิงยังคงมีสัดส่วนในงานวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์เพียงร้อยละ 31 เท่านั้น โดยภูมิภาคเอเชียใต้ร้อยละ 24 และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร้อยละ 27 ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาคทั้งหมด และหากสำรวจเจาะลึกไปที่อุตสาหกรรมเอไอ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก ยังคงมีผู้หญิงเพียงร้อยละ 22 ซึ่งความไม่สมดุลนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี เนื่องจากอัลกอริธึมเอไอที่ออกแบบโดยขาดความหลากหลายอาจสะท้อนอคติทางเพศและภาพลักษณ์เชิงลบของผู้หญิง
รศ. ดร.ปัณรสี ฤทธิประวัติ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้พัฒนานวัตกรรม "เอไอไทยเจน (AIThaiGen) แพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์" หนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA เปิดเผยว่า บทบาทของผู้หญิงในวงการนวัตกรรม รวมถึง AI นั้น แทบไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ชาย หากมองเจาะลงไปในบางสาขาของนวัตกรรมจะพบว่า ผู้หญิงนั้นมีบทบาทมากกว่าหรือเทียบเท่าผู้ชาย เช่น นวัตกรรมด้านเคมีที่เกี่ยวเนื่องกับเวชศาสตร์เครื่องสำอางที่ผู้หญิงมีบทบาทการวิจัยและพัฒนาในสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชาย แต่หากเป็นนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผู้หญิงอาจจะมีบทบาทในการวิจัยและพัฒนาน้อยกว่าผู้ชาย เนื่องจากสัดส่วนของผู้หญิงที่เลือกเรียนหรือประกอบอาชีพในสายนี้มีจำนวนน้อยตั้งแต่ต้น
"สัดส่วนของเพศนวัตกรที่แตกต่างกันส่งผลต่อทิศทางการพัฒนานวัตกรรม AI เนื่องจากอาจก่อให้เกิดชุดข้อมูลที่มีอคติทางเพศ (Gender Bias) จากกระบวนการพัฒนาและป้อนข้อมูลใน AI ที่อาจโน้มเอียงไปทางเพศใดเพศหนึ่ง และด้วยทัศนคติที่สามารถก่อให้เกิดความแตกต่างนี้เอง ผู้หญิงจึงควรมีความสำคัญต่อการพัฒนา AI และนวัตกรรมเพื่อลดการเกิดอคติทางเพศ
ซึ่งจะช่วยทำให้ AI นั้นมีการพัฒนาในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น"
นวัตกรหญิงผู้เปลี่ยนแปลงโลกแห่งปัญญาประดิษฐ์ด้วย AIThaiGen
ปัจจุบันพบว่ามีนวัตกรหญิงหลายคนที่สามารถพลิกโฉมนวัตกรรมจนประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม รวมถึง "รศ. ดร.ปัณรสี ฤทธิประวัติ" ผู้มีผลงานโดดเด่นด้านการออกแบบเทคโนโลยี เพื่อฝึกทักษะการเรียนรู้และยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เจ้าของผลงาน "เอไอไทยเจน (AIThaiGen) แพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์"
หนึ่งในผลงานนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA
รศ. ดร.ปัณรสี อธิบายว่า "เอไอไทยเจน (AIThaiGen)" เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้ด้าน AI ให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเอง รวมถึงกลุ่มคนทำงานที่ต้องการฝึกทักษะใหม่ ๆ สามารถท่องโลกแห่งปัญญาประดิษฐ์ด้วยตนเองได้ง่ายๆ จากคอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ต ผ่านเว็บไซต์ aithaigen.in.th โดยภายในเว็บไซต์จะมีเครื่องมือในการเรียนรู้สำหรับกลุ่มผู้ใช้แบบเริ่มต้นไปจนถึงผู้ที่พอมีพื้นฐานระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ผู้เริ่มต้นสามารถพัฒนาระบบ AI ได้โดยไม่จำเป็นต้องลงมือเขียนโค้ด รวมถึงเรียนรู้เทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ เช่น การสร้างโปรแกรมตรวจจับการเคลื่อนไหวของใบหน้า เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ตลอดจนช่วยให้การใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย ผ่านการเรียนรู้ทักษะการใช้ AI ด้วยตัวเองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
"การได้รับเงินทุนสนับสนุนในโครงการแปลงเทคโนโลยีเป็นทุนจาก NIA แสดงถึงการเห็นความสำคัญของการสนับสนุนนวัตกรรมที่สร้างโดยคนไทย แม้ปัจจุบันผู้หญิงจะเข้ามามีบทบาทในวงการนวัตกรรมมากขึ้น แต่ยังถือว่ามีจำนวนน้อย จึงควรต้องได้รับ 'โอกาส' เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและลดอคติต่อนวัตกรรมที่พัฒนาโดยผู้หญิง เพื่อให้นวัตกรรมมีความหลากหลายมากขึ้นและลดการสร้างชุดข้อมูลที่มีอคติ เพราะใคร ๆ ก็ทำ AI ได้ แต่ก่อนจะเริ่มทำเราต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองก่อน หากเราเชื่อมั่นก็จะไร้ข้อจำกัดและสามารถทำให้เราค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบได้"
Groom - Grant - Growth - Global พร้อมหนุนทุกความเท่าเทียมในการสรรค์สร้างธุรกิจนวัตกรรม
NIA ในฐานะ "ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม" พร้อมสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด "Groom" ที่เน้นบ่มเพาะและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมไทย "Grant" กลไกสนับสนุนเงินทุนที่เน้นการพัฒนาและขยายผลธุรกิจนวัตกรรมไปสู่ตลาด "Growth" การเร่งสร้างการเติบโตให้ธุรกิจนวัตกรรม ทั้งในสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีไทย และ "Global" การส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล โดยแนวคิดเหล่านี้เอื้อให้เกิดนวัตกรไทยที่สามารถเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาและริเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพของตนเอง ซึ่งการสนับสนุนทั้งโอกาสและเงินทุนเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทำให้สัดส่วนของนวัตกรผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศในวงการเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเพิ่มบทบาทของผู้หญิงในสายเทคโนโลยีซึ่งจะช่วยให้เกิดนวัตกรรมที่หลากหลาย สร้างสรรค์ และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมเท่าเทียม