
สานต่อกลยุทธ์ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค และเพื่อโลกของเรา สร้างความยั่งยืนแก่สังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม
เนสท์เล่ ประเทศไทย ประกาศความคืบหน้าด้านความยั่งยืนในปี 2025 ตามแผนงาน Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 สานต่อกลยุทธ์ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอน จากฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค พร้อมเปิดตัวแคมเปญ "เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้" เป็นปีที่ 4 มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนละเล็กละน้อย เพื่อรวมพลังสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า
"ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก เนสท์เล่เชื่อมั่นในการมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาฟื้นฟูระบบอาหารและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่เกษตรกร ชุมชน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ จากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน โดย เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้ดำเนินงานตามสองกลยุทธ์หลักที่สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว คือ ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ที่มุ่งสู่ Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งในปี 2025 นี้ เนสท์เล่ ประเทศไทย มีความคืบหน้าด้านการขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง"
เนสท์เล่ ประเทศไทยเผยความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์ขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค "Good for You"
ภายใต้กลยุทธ์ "Good for You" เนสท์เล่ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสัญลักษณ์ "ทางเลือกสุขภาพ" ในปริมาณมากกว่า 4,600 ล้านหน่วยบริโภคในปี 2024 โดยมีผลิตภัณฑ์ 115 รายการที่ได้รับสัญลักษณ์โภชนาการ "ทางเลือกสุขภาพ" สูงสุดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังส่งมอบอาหารและเครื่องดื่มที่เสริมแร่ธาตุและวิตามิน จำนวน 3,400 ล้านหน่วยบริโภคในปี 2024 ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่มครอบคลุมตั้งแต่ทารก เด็กเล็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ เพื่อช่วยต่อสู้กับภาวะทุพโภชนาการและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับคนไทย
นอกจากพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของคนไทยแล้ว เนสท์เล่ ยังเน้นการส่งเสริม "การกินอยู่อย่างสมดุล" มุ่งให้ความรู้ด้านสุขภาพ โภชนาการ และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่คนไทยกว่า 5.48 ล้านคนตลอดเวลากว่า 16 ปี ผ่านโครงการเนสท์เล่ คาราวานครอบครัวแข็งแรง และโครงการภารกิจพิชิตสุขภาพดี
เปิดความคืบหน้าด้านความยั่งยืนในปี 2025 ตามแผนงานสู่เป้าหมาย Net Zero 2050
สำหรับกลยุทธ์ Good for the Planet เนสท์เล่ได้มุ่งมั่นที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานของเรามีความยั่งยืน ตั้งแต่ฟาร์มไปสู่มือผู้บริโภค เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูระบบอาหารอย่างยั่งยืนในวงกว้าง โดยในปี 2021 เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้เปิดเผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ภายในปี 2050 (Nestle Thailand Net Zero 2050 Roadmap) และมีความคืบหน้าในปี 2025 ตามแผนงานใน 4 มิติ ดังนี้
เนสท์เล่ ประเทศไทย ใช้เมล็ดกาแฟและน้ำนมดิบที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ 100% นอกจากนี้ 20% ของเมล็ดกาแฟสดที่ใช้มาจากการเพาะปลูกด้วยการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ส่วนน้ำนมดิบ เนสท์เล่ ประเทศไทย จะสามารถจัดหาน้ำนมดิบจากการเกษตรเชิงฟื้นฟูให้ถึง 20% ภายในสิ้นปี 2025
แผนงานต่อไป เนสท์เล่ ประเทศไทย จะมุ่งส่งเสริมการปลูกกาแฟและการเลี้ยงโคนมตามหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง และจะขยายพื้นที่การเพาะปลูกกาแฟโรบัสต้าสู่จังหวัดอื่น ๆ เช่น จังหวัดตากและจังหวัดเลย นอกจากนี้ เนสท์เล่ จะสนับสนุนเกษตรกรโคนมในการพัฒนาคุณภาพน้ำนมและลดต้นทุน ด้วยการจัดหาแหล่งหญ้าอาหารสัตว์มาป้อนฟาร์มโคนม พร้อมขยายการทำลานปูนสำหรับตากมูลโค และส่งเสริมการนำมูลโคบางส่วนไปเลี้ยงไส้เดือนเป็นปุ๋ยคุณภาพสูง สร้างรายได้ที่สูงขึ้นให้เกษตรกร
โรงงานผลิตน้ำดื่มทั้ง 2 แห่งของเนสท์เล่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยาและสุราษฎร์ธานี จะสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชน ในปริมาณเท่ากับที่เราใช้ในการดำเนินธุรกิจน้ำดื่มทั้งหมด 100% ภายในสิ้นปี 2025 นี้ โดยคิดเป็นปริมาณมากกว่า 1ล้านลูกบาศก์เมตร ผ่านการดำเนินโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ ในทั้ง 2 จังหวัด อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ ได้รับมาตรฐานการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรด้านการจัดการและดูแลทรัพยากรน้ำระดับโลก
สำหรับก้าวต่อไป เนสท์เล่จะมุ่งผลักดันการฟื้นฟูระบบนิเวศ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้กับพื้นที่โดยรอบคลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหนองทุ่งทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และยกระดับการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการพิทักษ์สายน้ำให้คงอยู่กับเราอย่างยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้ ปกป้อง และฟื้นฟู
เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในการสร้างความยั่งยืนด้านบรรจุภัณฑ์ และได้เน้นการขับเคลื่อน 3 ด้าน ได้แก่ ลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ (Virgin Plastic Reduction) ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลาสติกรีไซเคิล หรือ rPET ในขวดน้ำดื่มมิเนเร่และเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ รวมทั้งการใช้ฟิล์มหุ้มบรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ rPE เพื่อเดินหน้าสู่การลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้ (Designed for Recycling) ได้แก่ ซองบรรจุภัณฑ์แบบ Mono Structure ที่ผลิตจากพลาสติกประเภทเดียวกัน กระป๋องอะลูมิเนียม สำหรับเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม รีไซเคิลได้ 100% และส่งเสริมระบบการจัดการขยะเพื่อการรีไซเคิล (System for Recycling) ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ แคมเปญ "BOTTLE MADE FROM BOTTLES" จากมิเนเร่ โครงการ "Careton กล่องนมรักษ์โลก" จากไมโล รวมทั้งการเข้าร่วม "PRO-Thailand Network" เพื่อขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนตามหลัก EPR และความร่วมมือกับเวสท์บาย เดลิเวอรี่ในการส่งเสริมให้คนในชุมชนนำขยะมาขายแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ซึ่งเนสท์เล่ ประเทศไทย จะมุ่งสานต่อการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนด้านบรรจุภัณฑ์ใน 3 ด้านนี้อย่างต่อเนื่อง
ภายใต้แผนงาน Net Zero เนสท์เล่ ประเทศไทย สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% แล้วเมื่อเทียบกับปี 2018 และโรงงานทั้งหมดของเนสท์เล่ทั้ง 8 แห่งกำลังใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าด้วย ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการดำเนินงานในหลายมิติร่วมกันตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นจนจบ
ก้าวต่อไป เนสท์เล่ ประเทศไทย จะยังคงเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน เดินหน้าสู่เป้าหมายต่อไป คือการลดการปล่อยคาร์บอน 50% ภายในปี 2030
เดินหน้าสานต่อแคมเปญ "เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้" สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
จากการสำรวจ Kantar's Sustainability Sector Index 2023 พบว่า คนไทยให้ความสำคัญกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ตามด้วยการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และการบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ โดยผู้บริโภคไทย 76% ให้ความสนใจกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่างระหว่างค่านิยมและการกระทำจริง แม้ว่า ผู้บริโภค 91% อยากใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน แต่มีเพียง 42% ที่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจริงจัง เนื่องจากผู้บริโภคไม่ต้องการหรือไม่สามารถประนีประนอมเรื่องเวลา งบประมาณ รสชาติ คุณภาพ และความเพลิดเพลินจากผลิตภัณฑ์ ให้กับความยั่งยืนเพียงอย่างเดียวได้
นางสาวเจนิกา คอนเด ครูซ หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมองค์กรและความยั่งยืน บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และมุ่งมั่นดำเนินงานอย่างยั่งยืนแล้ว เนสท์เล่ยังให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการสานต่อแคมเปญการสื่อสารครบวงจร " Every Little Act Matters เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้" เป็นปีที่ 4 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยทำสิ่งเล็กน้อย ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อการมีส่วนร่วมในการดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเพื่อโลกของเราอย่างต่อเนื่อง"
"แนวคิดหลักของแคมเปญในปีนี้มาจากอินไซต์ผู้บริโภคที่พบว่าทุกคนต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง แต่บางครั้งเรายังสงสัยว่า คน ๆ เดียว หรือการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราจะมีความหมายหรือไม่ เนสท์เล่จึงมุ่งทำให้ทุกคนมั่นใจว่า การทำสิ่งเล็กน้อย ง่าย ๆ ในทุกวัน สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายได้ เมื่อทุกคนร่วมมือกัน โดยเนสท์เล่ จะลงทุนในการสื่อสารครบวงจรเพื่อให้เข้าถึงคนไทยมากกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ"
นายวิคเตอร์ เซียห์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "เนสท์เล่ ประเทศไทยจะยังคงดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายต่อไปในปี 2030 ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 50% และก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ให้สำเร็จ การดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเราทั้งหมด จะช่วยสร้างคุณค่าร่วมกับผู้คน ชุมชนและโลกของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน และขับเคลื่อนตามหลักการ ESG ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี ตามที่เราได้ยึดมั่นมาตลอดการดำเนินงานในประเทศไทยมากกว่า 130 ปี ตามเจตนารมณ์ในการ "เปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้และในอนาคต"