
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาครัฐและเอกชน ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ถึงแผนบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ให้เตรียมมาตรการรองรับปัญหาผลผลิต พร้อมส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและขยายตลาดส่งออก
นายพิชัย ระบุว่า ปีนี้เราคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน ลำไย และมะม่วง จึงต้องเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรขายได้ราคาดีที่สุด โดยกระทรวงพาณิชย์เดินหน้าจัดทำ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การตลาดในประเทศ การส่งออก ไปจนถึงการแปรรูปและอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยตั้งเป้าหมาย ระบายผลไม้ 950,000 ตัน เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา
สำหรับ 7 มาตรการหลักในการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ประกอบด้วย
ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม ทั้งผู้แทนเกษตรกร สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง โลจิสติกส์ และสถาบันการเงิน เพื่อร่วมกันผลักดันมาตรการเชิงรุกก่อนที่ผลผลิตฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด
"กระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ และทูตพาณิชย์ เพื่อให้เกษตรกรขายผลไม้ได้ราคาสูงสุด เราต้องใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร" นายพิชัยกล่าว
โดยสำหรับปี 2568 คาดว่า ปริมาณผลผลิตผลไม้ 6.736 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.858 ล้านตัน (+15%) ทุเรียน คาดปริมาณผลผลิต 1.76 ล้านตัน (+37%) มะม่วง 1.3 ล้านตัน (+10%) โดยกระทรวงพาณิชย์จะยังเร่งส่งเสริมการส่งออกผ่าน 8 แผนงาน 32 กิจกรรม โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ส่งออกไทย 96 บริษัท กับผู้นำเข้า 63 บริษัท จาก 19 ประเทศ คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เร่งขยายตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ผ่าน TopThai Store ในกว่า 10 แพลตฟอร์มทั่วเอเชีย และในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX-ANUGA ASIA 2025 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งรัฐบาลพร้อมเดินหน้าผลักดันให้ปี 2568 เป็น ปีทองของเกษตรกรให้ผลไม้ไทยขายได้ราคาดีทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ปัญหาการตรวจพบสาร BY2 ในทุเรียนส่งออกจีน กระทรวงเกษตรฯ ระบุว่า ได้จัดตั้ง "จันทบุรีโมเดล" เพื่อตรวจสอบคุณภาพทุเรียนตั้งแต่ต้นทาง พร้อมเตรียมหารือกับทูตจีนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ด่านส่งออก เพื่อให้การส่งออกทุเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น