กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--ปตท.
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกยังคงน่าเป็นห่วง ทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาอยู่ในระดับสูงกว่า 120 - 132.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเฉพาะล่าสุดวันนี้ (21 พ.ค. 51) น้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 161.79 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และเลขาธิการกลุ่มโอเปกมีความเห็นว่ามีปริมาณน้ำมันเพียงพอจึงไม่มีความจำเป็นที่จะเพิ่มกำลังการผลิต ทั้งนี้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการเก็งกำไรของนักลงทุน และปัญหาความวุ่นวายในประเทศอิรัก ส่งผลกระทบต่อต้นทุนน้ำมันในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยต่อไปว่า จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องรายวันสูงมาก บางวันสูงถึงกว่า 2-3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรืออาจมากกว่านั้น ทำให้ต้นทุนน้ำมันปรับขึ้นสูงเช่นกัน ในขณะที่ราคาขายปลีกยังไม่ได้สะท้อนตามต้นทุนดังกล่าว โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลนั้นทุกลิตรที่ขายเท่ากับขาดทุนถึง 2.68 บาท (ยังไม่รวมค่าการตลาด) ด้วยเหตุนี้ ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกกลุ่มดีเซลขึ้น 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.51) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เป็นดังนี้
น้ำมัน หน่วย : บาท/ ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที E20 พลัส 33.09 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 6 บาท ม.ค.-มิ.ย.51)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 35.09 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 4 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 34.29 (ถูกกว่าเบนซิน 91 ถึง 3.70 บาท)
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 39.09
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 37.99
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที B5 พลัส 35.24 (ถูกกว่าดีเซล ถึง 0.70 บาท)
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ 35.94