
ความแข็งแกร่งของระบบนิเวศอัจฉริยะ "Human x Car x Home" กระตุ้นการขยายตัวในกลุ่มผลิตภัณฑ์อัลตร้าพรีเมียมในกลุ่มสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้าน
เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน ("เสียวหมี่" หรือ "กลุ่มธุรกิจ"; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานที่สอบทานแล้ว สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ("ช่วงเวลา") รายรับรายไตรมาสของกลุ่มธุรกิจเกิน 100 พันล้านหยวนเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่สี่ของปี 2567 ("ไตรมาส 4 ปี 2567") โดยผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีและไตรมาสที่สี่นั้นดีกว่าที่คาดไว้ รายรับรวมของปีนี้เพิ่มขึ้น 35.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ("YoY") เป็น 365.9 พันล้านหยวน ในขณะที่กำไรสุทธิที่ปรับแล้วเพิ่มขึ้น 41.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 27.2 พันล้านหยวน ในไตรมาส 4 ปี 2567 รายรับรวมของเสียวหมี่นั้นแตะ 109 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 48.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่กำไรสุทธิที่ปรับแล้วพุ่งสูงขึ้น 69.4% เป็น 8.3 พันล้านหยวน ซึ่งเกินความคาดหมายของตลาดไปมาก
ในปี 2567 กลุ่มธุรกิจทั้งหมดนั้นมีการเติบโตที่สูงมากซึ่งเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนด้วยการทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่งของระบบนิเวศอัจฉริยะ "Human x Car x Home" ส่งผลให้ธุรกิจสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้านนั้นเกิดการเติบโตอย่างน่าทึ่ง โดยรายรับจากสมาร์ทโฟนเติบโต 21.8% เป็น 191.8 พันล้านหยวน ในขณะที่รายรับจากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ สูงถึง 32.8 พันล้านหยวนซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมาก รายรับจาก IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์เพิ่มขึ้น 30.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 104.1 พันล้านหยวน และมียอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้าที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในปี 2568 เสียวหมี่กำลังรุกตลาดอัลตร้าพรีเมียมด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Xiaomi 15 Ultra, รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Ultra และเครื่องปรับอากาศ Mijia Central Air Conditioner Pro โดยในวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในจีนแผ่นดินใหญ่ (3 มีนาคม) ยอดขายของสมาร์ทโฟน Xiaomi 15 Ultra นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยอดสั่งซื้อของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Ultra ก็ทะลุ 10,000 คันซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ของทั้งปีได้ก่อนกำหนด ทั้งนี้ทั้งสองผลิตภัณฑ์ได้สร้างยอดขายอันน่าทึ่งพร้อมแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 15.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้เป็นผู้ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมมากที่สุด
ในปี 2567 รายรับจากสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ที่ 191.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 21.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าและมียอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 168.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 15.7% จึงทำให้ให้เสียวหมี่ กลายเป็นผู้ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมมากที่สุด ตามรายงานของ Canalys ในปี 2567 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่นั้นติดอันดับหนึ่งในสามของแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกได้ติดต่อกัน 18 ไตรมาสและมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13.8%
ในไตรมาส 4 ปี 2567 ส่วนแบ่งการตลาดของยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้น 3.0 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 15.8% ซึ่งถือเป็นการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สี่
ในช่วงเวลาดังกล่าว เสียวหมี่นั้นประสบความสำเร็จอย่างมากในกลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่ทำลายสถิติ ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม (third-party data) ส่วนแบ่งการตลาดของเสียวหมี่ในกลุ่มราคา 3,000 หยวนเพิ่มขึ้นเป็น 23.3% ส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,000 หยวนเพิ่มขึ้นเป็น 24.3% และกลายมาเป็นอันดับ 1 ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวนเพิ่มขึ้นเป็น 9.7% เพิ่มขึ้น 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ระบบนิเวศอัจฉริยะ "Human x Car x Home" นั้นเดินหน้าอย่างเต็มกำลังด้วยแรงส่งจากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ที่ขับเคลื่อนกลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ในทุกหมวดหมู่ของผลิตภัณฑ์
รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกของกลุ่มบริษัท Xiaomi SU7 Series เปิดตัวอย่างสง่างามในปี 2567 มียอดการส่งมอบไปแล้วกว่า 136,854 คันภายในเวลา 9 เดือนหลังจากการเปิดตัว ทั้งนี้รายรับจากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ นั้นเติบโตสูงขึ้น 32.8 พันล้านหยวนในปี 2567 ซึ่งภายในไตรมาส 4 ไตรมาสเดียวนั้นมียอดที่สูงถึง 16.7 พันล้านหยวน และมียอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในไตรมาส 4 และมีการส่งมอบรถยนต์กว่า 69,697 คัน ซึ่งเป็นการส่งมอบที่เกินเป้าหมายก่อนกำหนดที่ตั้งไว้
รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series นั้นเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิงและผู้ใช้ Apple จึงทำให้ฐานผู้ใช้งานของเสียวหมี่มีการเปลี่ยนแปลงและยังเสริมสร้างภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์พรีเมียมอีกด้วย ในปี 2568 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่กำลังบุกเบิกตลาดอัลตร้าพรีเมียมครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Ultra เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นนี้มีเป้าหมายที่จะเข้ามากำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้น และมียอดสั่งซื้อล่วงหน้าเกิน 19,000 ยูนิต และยอดสั่งซื้อแบบล็อคอินเกิน 10,000 ยูนิตภายในเวลา 3 วันแรกหลังจากเปิดตัว ส่งผลให้สามารถทำยอดตามเป้าหมายประจำปีได้ก่อนกำหนด ทั้งนี้เสียวหมี่ตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ 350,000 ยูนิตในปี 2568
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เสียวหมี่ได้ทำการเปิดศูนย์การขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ไปแล้วกว่า 200 แห่งใน 58 เมืองทั่วจีนแผ่นดินใหญ่
เสียวหมี่ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอัลตร้าพรีเมียมของเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้านอย่างเป็นทางการ ในปี 2568 เสียวหมี่ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศเรือธงรุ่น Mijia Central Air Conditioner Pro ที่ออกแบบมาเพื่อท้าทายมาตรฐานของอุตสาหกรรม พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของเสียวหมี่ในด้านกลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
ธุรกิจ IoT เติบโตทะลุ 100 พันล้านหยวนเป็นครั้งแรก โดยมียอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ธุรกิจ IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2567 โดยสร้างรายรับมากกว่า 100 พันล้านหยวนเป็นครั้งแรก รายรับจากผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 104.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20.3% ซึ่งทั้งรายรับและอัตรากำไรขั้นต้นนั้นทำสถิติสูงสุด ทั้งนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้านยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและรายรับในปี 2567 พุ่งสูงขึ้นถึง 56.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งยอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้านั้นทำสถิติดีที่สุดและมียอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศที่เติบโตมากกว่า 50% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 6.8 ล้านเครื่อง ยอดการจัดส่งตู้เย็นเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 2.7 ล้านเครื่อง และยอดการจัดส่งเครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 45% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 1.9 ล้านเครื่อง
ในปี 2567 ผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานของ Canalys พบว่ายอดจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกของเสียวหมี่นั้นเติบโตขึ้น 73.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยที่เสียวหมี่ยังคงสามารถครองอันดับที่ 5 ของโลกและอันดับที่ 3 ในจีนแผ่นดินใหญ่ และยอดจัดส่งสายรัดข้อมือแบบสวมใส่ของเสียวหมี่ก็ยังครองอันดับที่ 2 ของโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ รวมไปถึงยอดจัดส่งหูฟัง TWS ที่ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับสูงเอาไว้ได้และมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (MAU) ทั่วโลกเกิน 700 ล้านราย
ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างแข็งขัน โดยมีรายรับพุ่งขึ้น 13.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 34.1 พันล้านหยวนซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดที่เคยมีมา อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 76.6% เพิ่มขึ้น 2.5 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (MAU) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ทำสถิติสูงที่สุด ในเดือนธันวาคม 2567 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกของกลุ่มบริษัทนั้นทะลุ 700 ล้านรายเป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่แตะ 172.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 11.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
เทคโนโลยี AI เข้ามาส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศอัจฉริยะของเสียวหมี่ รวมไปถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความก้าวหน้าของเสียวหมี่ในด้านกลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) นั้นได้รับแรงสนับสนุนมาจากความสามารถในการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง ในปี 2567 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 24.1 พันล้านหยวน เสียวหมี่มีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 21,190 คน นอกจากนี้ ณ สิ้นปี 2567 เสียวหมี่ยังได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 42,000 ฉบับทั่วโลก รวมไปถึงสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ฉบับในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะอีกด้วย
AI เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานที่เสียวหมี่ลงทุนมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ในเดือนตุลาคม 2567 กลุ่มบริษัทได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งมีเทคโนโลยีหลัก 3 ประการ ได้แก่ HyperCore, HyperConnect และ HyperAI เพื่อมอบประสบการณ์ขั้นสูงรูปแบบใหม่ในการเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์และฟังก์ชัน AI อื่นๆ กลุ่มบริษัทกำลังบูรณาการเทคโนโลยี AI เข้ากับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 โดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ "Human ? Car ? Home" และกระตุ้นการเติบโตที่สูงขึ้นให้กับสามตลาดหลักของระบบนิเวศซึ่งได้แก่สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้าน