ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ 'F1+(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตพิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากบริษัทแม่: อันดับเครดิตของ LHS พิจารณาจากความคาดหวังของฟิทช์ว่าบริษัทแม่ซึ่งคือ บมจ. แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG, 'AA+(tha)'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) แก่ LHS เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีความจำเป็น นอกจากนี้ อันดับเครดิตของ LHS ยังพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจากฟิทช์
บริษัทแม่มีความสามารถในการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง: LHFG เป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ที่มีธุรกิจหลักคือธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank, 'AA+(tha)'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ทั้งนี้ LHS มีขนาดสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ของสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นของ LHFG ดังนั้น การให้ความสนับสนุนแก่ LHS ไม่น่าที่จะเป็นอุปสรรคมากนักเมื่อเทียบกับทรัพยากรทางการเงินของกลุ่ม
อันดับเครดิตของ LHFG นั้นพิจารณามาจากปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารแม่ในไต้หวันซึ่งคือ CTBC Bank Co., Ltd. (CTBC, อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศที่ 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ 'a') ฟิทช์คาดว่า CTBC จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ LHS ในกรณีที่จำเป็นโดยผ่านทาง LHFG เนื่องจากLHS มีความเชื่อมโยงทางกลยุทธ์ที่สำคัญต่อบริษัทอื่นในกลุ่ม
บริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์: LHS เป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่ม LHFG ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ และเป็นธุรกิจที่เป็นส่วนเสริมในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ ทางการเงิน รวมถึงบริการด้านวานิชธนกิจให้แก่ลูกค้าของกลุ่ม ดังนั้น LHS จึงช่วยให้กุล่มสามารถนำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลาย และฟิทช์เชื่อว่าบทบาทเชิงกลยุทธ์ของ LHS จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในระยะปานกลาง แม้ว่าจะมีความท้าทายในด้านผลการดำเนินงานในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ LHS นั้นอยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของ LHFG หนึ่งอันดับ เนื่องจากฟิทช์มองว่าธุรกิจหลักทรัพย์นั้นเป็นธุรกิจเสริม ซึ่งยังไม่ใช่ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทแม่ ทั้งนี้ การประเมินยังพิจารณาถึงขนาดธุรกิจของ LHS และการ มีส่วนช่วยสร้างกำไร (contribution) ให้กับบริษัทแม่ที่ยังจำกัด
การควบคุมและการผสานการทำงานกับกลุ่มอย่างชัดเจน: LHFG ถือหุ้น 99.92% ของ LHS และมีความเชื่อมโยงด้านการบริหารและการดำเนินงานระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูกอย่างแข็งแกร่ง โดย LHFG มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง และแนวทางเชิงกลยุทธ์และกระบวนการบริหารความเสี่ยงของ LHS ยังมีความสอดคล้องกับบริษัทแม่อย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการผสานการดำเนินงานและความร่วมมือระหว่าง LHS และบริษัทอื่นในกลุ่มในระดับสูง เช่น การแนะนำลูกค้า การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกัน (Cross-selling) การพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงิน การแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค และการใช้ระบบงานส่วนกลาง (shared service) ของกลุ่ม
ความเชื่อมโยงด้านชื่อเสียงที่สำคัญ: ฟิทช์เชื่อว่าชื่อเสียงของ LHS มีความเชื่อมโยงกับ LHFG อย่างมาก เนื่องจากมีการใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันและมีการร่วมมือทางด้านการตลาดอย่างใกล้ชิด ดังนั้น หากมีการผิดนัดชำระหนี้ของ LHS อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางด้านชื่อเสียงของบริษัทอื่นในกลุ่มอย่างมาก
การสนับสนุนการดำเนินงานตามปกติอย่างต่อเนื่อง: LHFG ให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงานและการเงินแก่ LHS อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรวมไปถึงการเพิ่มทุนจำนวน 318 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะช่วยให้อัตราส่วน Tangible assets-to-tangible equity ลดลงเป็นประมาณ 4.9 เท่า จาก 6.8 เท่า โดยอ้างอิงจากผลประกอบการ ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ปี 2567 นอกจากนี้ LH Bank ยังคงให้วงเงินสินเชื่อแก่ LHS เพื่อช่วยสนับสนุนการบริหารสภาพคล่องของบริษัท
มีแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไร: อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงผลการดำเนินงานทางการเงินที่ผันผวนของบริษัท ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรของ LHS ปรับตัวด้อยลงท่ามกลางปริมาณการซื้อขายในตลาดที่ซบเซา โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน/ส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยปรับตัวลดลงเป็น -8.9% (โดยการปรับตัวเลขให้เต็มปี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 (จาก13.5% ในปี 2566) ฟิทช์เห็นว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 ยังคงมีความท้าทายเนื่องจากสภาพตลาดที่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ และโครงสร้างการกระจายตัวของรายได้ที่มีความหลายหลายค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่า ความท้าทายด้านผลการดำเนินงานของ LHS จะส่งผลให้โอกาสที่ LHFG จะให้การสนับสนุน LHS จะมีการปรับตัวลดลง ในระยะอันใกล้ เนื่องจากบทบาทในเชิงกลยุทธ์ของ LHS ในกลุ่มและความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ LHFG อาจบ่งชี้ถึง ความสามารถในการสนับสนุน LHS ที่ปรับตัวด้อยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ LHS สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของอันดับเครดิตและปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคตของ LHFG สามารถดูได้จากประกาศ เรื่อง ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศของ LHFG และ LH Bank ที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ลงวันที่ 14 มีนาคม 2568 ("Fitch Affirms Land and Houses Bank and LH Financial at 'AA+(tha)'; Outlook Stable") (https://www.fitchratings.com/site/pr/10302503) ทั้งนี้จะมีการพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วยเช่นกัน
การปรับตัวลดลงของโอกาสที่ LHFG จะให้การสนับสนุนแก่ LHS อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ LHS ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากบริษัทแม่มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน LHS ลงต่ำกว่า 75% พร้อมทั้งมีการลดระดับการควบคุมการบริหารงาน และมีการปรับตัวด้อยลงของความเชื่อมโยงทางการตลาดและการผสานการทำงาน อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิต ของ LHS ได้เช่นกัน นอกจากนี้ หาก LHS มีผลประกอบการที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้มีการประเมินความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในทางลบ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่าปัจจัยด้านโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนจะมีการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ LHS อาจถูกปรับลดอันดับลงไปที่ 'F1(tha)' หากอันดับเครดิตภายในประเทศ ระยะยาวของบริษัทถูกปรับลดอันดับลงไปที่ 'A-(tha)' หรืออาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีการปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศ ระยะสั้นของ LHFG ลงไปที่ 'F1(tha)'
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ LHFG อาจส่งผลทางบวกต่อการประเมินอันดับเครดิตของ LHS
อาจมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ LHS หากฟิทช์เห็นว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของโอกาสที่ LHFG จะให้การสนับสนุนแก่ LHS ยกตัวอย่างเช่น หาก LHS มีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นต่อธุรกิจของกลุ่มอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่าจะ มีการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นสาระสำคัญระยะสั้น และการปรับอันดับเครดิตจะพิจารณาเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ด้วยเช่นกัน
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
แหล่งที่มาของข้อมูลที่มีนัยสาคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นไปตามรายละเอียดที่อธิบายไว้ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ LHS มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของ LHFG ซึ่งบ่งชี้ได้จากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทแม่