
"The Active - Policy Watch Thai PBS เปิดพื้นที่ "Policy Forum" ระดมข้อเสนอยกระดับนโยบายชีวาภิบาล เพื่อให้คนกรุงเข้าถึง "การตายดี" หลังพบอัตราการเสียชีวิตที่บ้านอย่างสงบเฉลี่ยไม่ถึง 3%
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส โดยศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ หรือ The Active ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัด Policy Forum ตั้งใจว่า จะตายดี :ปล.ฉันอยู่ในกรุงเทพฯ ในงาน "Death Fest 2025" เพื่อออกแบบนโยบายและระบบบริการสุขภาพ พร้อมระดมข้อเสนอยกระดับนโยบายชีวาภิบาลให้คนกรุงเทพฯ เข้าถึงการตายดีได้ทั่วถึง เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 68 ณ Impact Exhibition Hall 6 เมืองทองธานี
อรณา ชัยสุขสังข์ ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียง เล่าว่า พ่อไม่เข้าเกณฑ์รักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care) เนื่องจากแพทย์ประเมินว่าอวัยวะยังคงทำงานได้ แม้ไม่สมบูรณ์ ทำให้ได้รับสิทธิ์ของผู้สูงอายุเพียงอย่างเดียวเดือนละ 600 บาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 50,000 บาท พอได้รู้จัก "เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม" จากชุมชนกรุณา ทำให้เข้าถึงการดูแลอย่างต่อเนื่อง
ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม บอกว่า ความเข้าใจทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญของการเตรียมพร้อมสู่ "การตายดี" ในปัจจุบันแพทย์ด้าน Palliative Care มักได้ดูแลผู้ป่วยระยะท้ายเมื่อมีเวลาเหลือเพียงน้อยนิด ทำให้การดูแลเป็นไปได้อย่างจำกัด
ด้าน พญ.จิราภา คชวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาแบบประคับประคอง โรงพยาบาลสิรินธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ความขาดแคลนบุคลากร เป็นสิ่งที่อยากให้เติมเต็มมากที่สุด ไม่เคยเห็นความชัดเจนในความก้าวหน้าทางอาชีพ หรือแม้แต่เงินเดือนที่เหมาะสม สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ที่จะเป็นแรงจูงใจให้บุคลากรเข้ามาทำงาน หรืออาสาสมัครสาธารณสุข กทม. มีแรงผลักดันที่จะเดินเยี่ยมผู้ป่วยไปในพื้นที่ต่าง ๆ จึงได้ตัดสินใจ "สร้างเครือข่าย" จับมือระหว่างสำนักอนามัยต่าง ๆ ทำงานร่วมกัน โดยตัวเองจะให้คำปรึกษาเรื่องแผนการรักษา เตรียมแผนการดูแลล่วงหน้าเตรียม เพื่อส่งต่อให้กับศูนย์บริการสาธารณสุข จัดสรรคนลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วย และหากผู้ป่วยเจ็บปวดหรือมีอาการใด ๆ ก็สามารถกลับมาโรงพยาบาลได้
นพ.ภูริทัต แสงทองพานิชกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชพิพัฒน์
นพ.ภูริทัต แสงทองพานิชกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคองมีเพียง 30% เท่านั้น แต่มีอัตราการเสียชีวิตที่บ้านอย่างสงบเฉลี่ยไม่ถึง 3% ซึ่งในภาพรวมของ กทม. ได้มุ่งเน้นการอบรมบุคลากรการแพทย์ให้มีความเข้าใจในการดูแลแบบประคับประคองมากขึ้น พร้อมทั้งวางแผนจัดตั้งระบบดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 โซน โดยโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เป็นพื้นที่นำร่อง ซึ่งโรงพยาบาลในแต่ละโซนจะจัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุและคลินิกดูแลประคับประคอง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการได้ตั้งแต่เจ็บป่วยแรก ๆ นอกจากนี้ กทม. ยังพัฒนาระบบโรงพยาบาลออนไลน์ผ่าน LINE Official Account และแอปพลิเคชัน "Bangkok Health Map" เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติสามารถปรึกษาแพทย์และพยาบาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม นพ.ภูริทัต ยอมรับว่า แต่ละโซนมีความพร้อมในการให้บริการไม่เท่ากัน และยังมีความท้าทายในการสร้างความเข้าใจให้กับบุคลากรและประชาชน เชื่อว่าในอนาคตคนกรุงทุกคนจะสามารถเข้าถึงการตายดีได้ แต่ต้องใช้เวลา
พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ที่ปรึกษาระดับสาธารณสุข ยืนยันว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสังคมสูงวัย มี 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ 1.ผู้สูงอายุทั่วไป 2.ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และ 3.ผู้ป่วยระยะประคับประคอง ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแรกที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานกลุ่มนี้ รวมถึงค่าแรงของนักบริบาล นักสังคมสงเคราะห์ ที่เรียกว่า "Care Giver" จะถูกจ่ายโดยท้องถิ่น นั่นหมายความว่า งบประมาณเหล่านี้นี้จะลงไปยัง "ศูนย์บริการสาธารณสุข" เช่น สำนักอนามัย เป็นต้น
ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรือห้องเช่า ที่ต้องการจากไปอย่างสงบ เบื้องต้นสามารถเข้าไปยังโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลราชวิถี หรือเนิร์สซิ่งโฮมที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขได้แล้ว และในอนาคตจะมี "หอผู้ป่วยชีวาภิบาล" เพื่อรองรับจำนวนผู้สูงอายุที่จะเพิ่มมากขึ้น ให้ทุกคนมีสิทธิที่จะ "ตายดี" ได้อย่างเท่าเทียม
ณาตยา แวววีรคุปต์ ผู้อำนวยการศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ ไทยพีบีเอส กล่าวสรุปว่า จากเวที "Policy Forum" ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวในการเตรียมตัวตายดีอย่างมีระบบมากขึ้น เห็นการเชื่อมโยงของแต่ละส่วนที่ทำให้การตายดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของโอกาสและความพยายามของบุคลากรทางการแพทย์ด้าน Palliative Care เห็นความตั้งใจของหลาย ๆ ท่าน ในการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้ดียิ่งขึ้นและสามารถเสียชีวิตได้อย่างสงบ
"โดยข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มีการนำเสนอในวงเสวนานี้ จะถูกนำเข้าสู่แพลตฟอร์ม "Policy Watch" ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ พร้อมทั้งเชื่อมโยงทุกมิติ ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.thaipbs.or.th/PolicyWatch" ณาตยา กล่าว
ไม่พลาดทุกข่าวสาร สาระความรู้ และคอนเทนต์คุณภาพ ติดตามไทยพีบีเอสทุกช่องทางออนไลน์ ได้ที่
? Website : www.thaipbs.or.th ? Application : Thai PBS? Social Media Thai PBS : Facebook, YouTube, X , LINE, TikTok, Instagram, Threads, Linkedin