กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--ออลไลน์ แอสเซ็ท
ซินเน็ค (ประเทศไทย) โชว์ผลงานโค้ง 1/51 โดดเด่น รายได้โต 18% ทะลุ 2,800 ลบ. ขณะกำไรพุ่ง 33% มาอยู่ที่ 40 ลบ. "สุพันธุ์ มงคลสุธี" เผยเป็นผลจากยอดขายที่เติบโตสูงกว่าตลาดรวม ขณะที่ต้นทุนเริ่มคงที่ ส่งผลให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น หนุนกำไรสุทธิดีขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน มั่นใจหลังเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี ควบคู่กับการส่งสินค้าใหม่ลงวางตลาดต่อเนื่อง และขยายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างขวางขึ้น จะปั๊มรายได้ปีนี้ให้เติบโต 15-20% ตามเป้าหมายได้ จากปีก่อนที่ทำรายได้ 10,800 ลบ.
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวด 3 เดือน สิ้นสุด 31 มีนาคม 2551 ว่า บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น2,395.73ลบ. เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีรายได้ 2,464 ลบ. มีกำไรสุทธิ 40.07 ลบ. เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 30.08 ลบ. โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายสินค้าของบริษัทที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์ ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) โดยบริษัทฯ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Asustek และ BenQ และ เครื่องคอมพิวเตอร์ภายใต้ตราสินค้า Lemel ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้มียอดขายเติบโตอย่างโดดเด่น
"ในไตรมาสแรกรายได้เราเติบโตในอัตรา 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 49 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่เราวางไว้ที่ 15% ในขณะเดียวกันถือว่าเติบโตสูงกว่าตลาดรวมคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเติบโตในอัตรา 12% ประกอบกับต้นทุนของเราไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นตามยอดขาย จึงทำให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้นจาก 5.7% ในปี 50 มาเป็นกว่า 6% ในไตรมาสแรกของปีนี้ จึงทำให้กำไรเราเติบโตได้อย่างโดดเด่นอย่างที่เห็น"
นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาด การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การเพิ่มการให้บริการหลังการขาย การเพิ่มตัวแทนและช่องทางการจำ ตลอดจนการเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้สินค้าของบริษัท ได้รับการตอบรับมาตรฐานเช่นเดียวกับสินค้าอินเตอร์แบรนด์อื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งเชื่อว่าจะสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทในปี 2551 เติบโตได้ในอัตรา 15-20% จากปี 2550 ที่มีรายได้ 10,800 ลบ.
ทั้งนี้ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ มากกว่า 50 ตราสินค้า จากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และมีฐานลูกค้าที่เป็นร้านค้าทั้งหมดมากกว่า 5,000 ราย แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจ คือ
1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์ชิ้นส่วน (Component Product Group: CPG) ประกอบไปด้วยสินค้าหลัก เช่น Hard Disk Drive, CPU, Motherboard, DRAM, CD-ROM และ DVD-RW
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุสิ้นเปลือง (Consumables & Supply Group: CSG)เช่น หมึกพิมพ์ โทนเนอร์ และแผ่นดิสค์
3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์เพื่อการพิมพ์ (Image & Printing Product Group: IPG) เช่น เครื่องพิมพ์แบบ Inkjet, เครื่องพิมพ์แบบ Laser และ เครื่องพิมพ์แบบ All-In-One
4.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเน็ทเวิร์ก (Network Product Group: NPG) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบเน็ทเวิร์กซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าหลัก เช่น Switch, UPS, Server, Network Cabling System, Wireless LAN, Hub และ Router
5.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์แสดงผลข้อมูล (Display Product Group: DPG) เช่น จอภาพ และเครื่องฉายภาพสไลด์
6.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเสร็จและกึ่งเสร็จ (System Product Group: SPG) ประกอบไปด้วยสินค้าหลัก เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) เครื่องคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ (CTO: Configuration-to-Order) มีสินค้าภายใต้ตราสินค้า Lemel ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เอง
7.กลุ่มผลิตภัณฑ์ MCE (Multimedia Consumer Electronic Product Group: MCE) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งใช้สื่อหลายชนิดในคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าหลัก เช่น USB Flash Drive, Flash Card, MP3, เครื่องฉายภาพ (Projector), อุปกรณ์ GPS, และโทรศัพท์ GPS + PDA
8.กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ (Software Product Group: SWG) ประกอบไปด้วย ซอฟท์แวร์ควบคุมจัดการระบบการทำงานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ OEM, และซอฟท์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ปัจจุบัน ซินเน็ค (ประเทศไทย) อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชน (IPO) และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญและหุ้นสามัญที่ออกใหม่เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิต่อกรรมการและพนักงานของ บริษัท เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2551 โดยคาดว่าจะกระจายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้กับประชาชนทั่วไปได้ในเดือนมิถุนายนนี้ และคาดว่าหุ้น IPO จะเข้าทำการซื้อขายได้ภายในไตรมาสที่ 2/2551
ทั้งนี้ 3 บริษัทหลักทรัพย์ ชั้นนำมอง บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) มีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามทิศทางของอุตสาหกรรม โดยให้ราคาเหมาะสมในกรอบ 3.38-4.27 บาท/หุ้น โดยใช้วิธีเทียบกับหุ้นในธุรกิจใกล้เคียงและอยู่ในกลุ่มเดียวกัน อิงการเติบโตของผลกำไรในปี 2008 และ 2009 โดย บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) มองผลกำไรปี 2008-2009 มีโอกาสเติบโต21.3% และ 30.0% จึงให้ราคาเหมาะสมที่ 4.00-4.27 บาท/หุ้น ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์สินเอเซีย จำกัด ให้ราคาเหมาะสม 3.38 บาท/หุ้น และ บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน ให้ราคาเหมาะสม 3.60 บาท/หุ้น
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สิริน วิวัฒน์เจริญพงศ์ /089-728-6389 / 02-554-9353