การเพิ่มขึ้นของชาวญี่ปุ่นส่งผลให้ความต้องการในตลาดเช่าที่พักอาศัยสูงขึ้น

ข่าวอสังหา Thursday May 22, 2008 10:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
นายธีราธร ประพันธ์พงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายให้เช่าที่พักอาศัยของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดที่พักอาศัยให้เช่าว่า จากการที่มีบริษัทของชาวญี่ปุ่นในภาคการผลิตเพิ่มมากขึ้น ได้ส่งผลให้ปริมาณชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความต้องการเช่าอพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่า ญี่ปุ่นเป็นชาติที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยในสัดส่วนที่สูงที่สุด กล่าวคือจากจำนวนผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานโดยผ่านทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ และผู้ที่ได้รับใบอนุญาตทำงานชั่วคราวในประเทศไทยทั้งสิ้น 122,262 คน เป็นชาวญี่ปุ่นถึง 24,740 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ของผู้ได้รับใบอนุญาตทั้งหมด
ชาวต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงานทั้งหมดแบ่งตามสัญชาติ
(ข้อมูล ณ กุมภาพันธ์ 2551)
ที่มา : กองแรงงานคนต่างด้าว กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
สุขุมวิท 21 — 55 เป็นย่านที่ได้รับความนิยมจากผู้เช่าชาวญี่ปุ่น เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ทางด่วน ซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาล ร้านค้าและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจต่างๆ รวมทั้งยังใกล้กับโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มุ่งเน้นลูกค้าชาวญี่ปุ่น ได้แก่ ฟูจิ ซูเปอร์ 1 ฟูจิ ซูเปอร์ 2 ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ วิลล่า มาร์เก็ต ที่ เจ อเวนิว
ในเรื่องขนาดของห้องพักนั้น ขนาดของครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกเช่าห้องพักสำหรับชาวญี่ปุ่น โดยผู้เช่าคนเดียวจะเลือกห้องขนาดประมาณ 80 ตารางเมตรซึ่งมี 1 หรือ 2 ห้องนอน มีงบประมาณในการเช่าราว 45,000 บาทต่อเดือน และอาจสูงถึง 75,000 บาทหากเป็นผู้เช่าที่มีตำแหน่งในระดับผู้บริหารซึ่งได้รับสวัสดิการสูง
ส่วนคู่สามี-ภรรยาชาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะมีลูกหรือไม่ก็ตาม มักเลือกห้องที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร งบประมาณในการเช่าอยู่ที่ 60,000 - 80,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับลักษณะของห้อง ความชอบโดยส่วนตัว และงบประมาณของผู้เช่าแต่ละราย
การตกแต่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเช่า เพราะผู้เช่าชาวญี่ปุ่นมักจะมองหาห้องพักที่ได้รับการตกแต่งมาเป็นอย่างดี เช่น พื้นไม้ เพดานสูง ตู้แบบบิลท์อิน รวมถึงห้องครัวที่กว้าง มีซิงค์และเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่
ภายในห้องพักจะต้องมีเครื่องซักผ้า (แบบฝาบนจะเป็นที่นิยม) เตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว ตู้เย็นขนาดใหญ่ เครื่องทำน้ำร้อน ส่วนเครื่องล้างจานอาจไม่จำเป็นต้องมีก็ได้
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆภายในโครงการที่จำเป็น คือ สวน สนามเด็กเล่น ฟิตเนส เซ็นเตอร์ สระว่ายน้ำ และอาจมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กด้วย สิ่งที่สำคัญ คือ จะต้องให้บริการด้วยภาษาญี่ปุ่น รวมทั้งควรจัดให้มีรถรับส่งระหว่างโครงการกับสถานีรถไฟฟ้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และโรงพยาบาล ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
นายโนริยูกิ มัสซึอุระ ผู้จัดการฝ่ายให้เช่าที่พักอาศัยสำหรับชาวญี่ปุ่น ของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ซึ่งเป็นทีมงานที่ให้บริการด้านที่พักอาศัยแก่ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯเป็นการเฉพาะ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กต่างๆ เช่น ทางลาดสำหรับรถเข็นเด็ก และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก
การให้บริการด้านอินเทอร์เนตความเร็วสูง ควรมีความเร็วถึง 2 Mbps ซึ่งจะทำให้สามารถรับชมโทรทัศน์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เนตได้ สำหรับเคเบิลทีวี ควรจะสามารถรับชมรายการจากสถานีเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นได้
เด็กชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติญี่ปุ่นใกล้ถนนพระรามเก้า ในขณะที่โรงเรียนนานาชาติอื่นๆไม่เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในระดับมัธยมปลาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติญี่ปุ่นจะเป็นประโยชน์กับนักเรียนที่จะกลับไปศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นมากกว่า ทั้งนี้จำนวนนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอตามปริมาณการลงทุนของชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจาก 1,759 คน ในปี 2544 เป็น 2,401 คน ในปี 2550
ในด้านสัญญาเช่าที่พักอาศัย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 1 — 2 ปี ซึ่งในสัญญาเช่าระยะเวลา 2 ปี มักจะมีข้อความระบุว่าอนุญาตให้สัญญาสิ้นสุดได้ก่อนครบกำหนดในกรณีที่ผู้เช่าจำเป็นต้องย้ายไปต่างประเทศไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ซึ่งจะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 60 วัน โดยทั่วไป หากผู้เช่าชาวญี่ปุ่นไม่พึงพอใจในที่พักหรือการให้บริการของทางโครงการ ผู้เช่ามีแนวโน้มที่จะย้ายออกเมื่อสิ้นสุดสัญญา
ในปี 2551 นี้ ตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯจะมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ภาวะวิกฤตสินเชื่อในตลาดโลกได้ส่งผลให้บริษัทต่างชาติหลายแห่งจะต้องมีความระมัดระวังในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆและการขออนุมัติแผนการขยายกิจการหรือเปิดบริษัทใหม่เป็นไปได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ
ณ ไตรมาสแรกของปีนี้ อพาร์ตเมนต์ในย่านใจกลางกรุงเทพฯมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 90 % และไม่มีโครงการใหม่ที่แล้วเสร็จในไตรมาสดังกล่าว สำหรับโครงการใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ ได้แก่ โครงการ แกรนด์ เศรษฐีวรรณ 2 มีห้องพักรวม 172 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 และโครงการนิติ คอร์ทซึ่งเป็นโครงการที่นำมาปรับปรุงใหม่ มีห้องพัก 14 ยูนิต ตั้งอยู่บริเวณถนนสาทร ซีบี ริชาร์ด เอลลิสคาดว่า ความต้องการ โดยเฉพาะจากผู้เช่าชาวญี่ปุ่นนั้น จะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันหรือมากกว่าอัตราการเติบโตของปริมาณห้องพัก ซึ่งจะทำให้อัตราการเข้าพักยังคงอยู่ในระดับที่ดี ระหว่าง 87 — 93 % ซึ่งเป็นระดับอัตราการเข้าพักนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา
เกี่ยวกับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (NYSE:CBG) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส พร้อมด้วยบุคลากร 29,000 คนในสำนักงานมากกว่า 300 สาขาที่ให้บริการแก่เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อยทั่วโลก
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดดำเนินการครั้งแรกในกรุงเทพมหนครเมื่อปีพ.ศ.2531 ขยายไปสู่สาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547 สาขาเกาะสมุยและสาขาพัทยาในปี 2550 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม วิลล่า อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:
นายธีราธร ประพันธ์พงศ์
ผู้อำนวยการฝ่ายให้เช่าที่พักอาศัย
02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัส
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร
02 654 1111 ต่อ 522

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ