กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--ปตท.
รมว.พน. ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท. ในพื้นที่ จ.ระยอง และเป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวขนาดเล็กแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วันนี้ (วันที่ 22 พฤษภาคม 2551) เวลา 09.00 น. พลโท หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมี นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.และ ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่ม ปตท. ให้การต้อนรับ
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวขนาดเล็กแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SMALL LNG PLANT) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ของ ปตท. โรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวระยองนี้ มีกำลังการผลิต 20 ตันต่อวัน หรือเทียบเท่าน้ำมันดีเซลประมาณ 27,800 ลิตรต่อวัน (พลังงานเทียบเท่า) สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านการตลาดและการใช้งาน ก่อนที่ ปตท. จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas : LNG) ในปี 2554 โดย LNG ที่ผลิตได้จะใช้เพื่อการทดลองหรือ
นำร่องเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการทดแทนน้ำมันดีเซลในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีข้อจำกัดในการใช้ อาทิ ใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในภาคการขนส่งทางน้ำ ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่วางถังบรรจุก๊าซฯและน้ำหนัก เช่น เรือประมง เรือลากจูง เรือโดยสาร ที่วิ่งบริการในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองแสนแสบ รวมถึงรถหัวลากที่วิ่งระยะทางไกล และ เครื่องจักรกลหนักที่ไม่มีความสะดวกในการเติม NGV เช่น รถเจาะหิน และ รถขนดินที่ใช้งานในเหมืองของ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี นอกจากนั้นยังนำไปใช้ในอาคารสำนักงานหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในกระบวนการผลิต แต่ยังไม่มีระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปถึง หรือระบบท่อส่งก๊าซฯ อยู่ระหว่างรอการก่อสร้าง เช่นกรณี บริษัท PTT Chemical
ทั้งนี้ หากผลการทดลองและนำร่องใช้ LNG ดังกล่าวข้างต้นแล้วเสร็จ สามารถใช้งานได้ดีและช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้ ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการฯ ทั้งภาคการขนส่งทางน้ำ ผู้ประกอบอาชีพประมง เครื่องจักรกลหนัก และโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความประสงค์จะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงแต่ไม่มีระบบท่อส่งก๊าซฯ ผ่าน สามารถพิจารณาใช้ LNG เป็นเชื้อเพลิงทดแทนได้ ซึ่งนอกจาก ปตท. จะมีโรงงานผลิต LNG ที่ จ.ระยองแล้ว ปตท. ยังได้ร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) นำก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบจากฐานการผลิตหนองตูมเอ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์ (เผาทิ้ง) มาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยการนำมาผลิตเป็น LNG ในปริมาณ 18 ตันต่อวัน ที่ ต.หนองตูม จ.สุโขทัย อีก 1 แห่งด้วย ขณะนี้โรงงานอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จ เริ่มทดลองเดินเครื่องในเดือนสิงหาคมนี้
อนึ่ง ปตท. คาดว่าการดำเนินงานโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวขนาดเล็กทั้ง 2 แห่ง ตลอดจนการนำ LNG ไปทดลองและนำร่องใช้งานในรูปแบบต่างๆ จะช่วยให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจถึงการใช้ก๊าซธรรมชาติในรูปแบบของเหลวอีกรูปแบบหนึ่ง เพิ่มเติมจากรูปแบบก๊าซและก๊าซธรรมชาติอัด การใช้ LNG นอกจากจะเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ที่สะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย ดังนั้นตั้งแต่ปี 2554 ซึ่ง ปตท. จะเริ่มนำเข้า LNG จากต่างประเทศ โดยเริ่มต้นที่ 1- 2 ล้านต้นต่อปี และจะเพิ่มเป็น 5 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะสามารถจัดส่งก๊าซธรรมชาติทั้งในรูปของเหลวและก๊าซฯ ตอบสนองความต้องการของประเทศ ทั้งในภาคการผลิตกระแสไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท. ในวันนี้ทำให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่ม ปตท. ในการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี และการกลั่น ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งที่สำคัญ ที่นอกจากจะช่วยให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านพลังงานแล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย
โทรศัพท์ 0-2537-3217 ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)โทรสาร 0-2537-3211 22 พฤษภาคม 2551