กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) เปิดโรดโชว์ให้นักลงทุนรับทราบข้อมูล 22 พ.ค.นี้ เพื่อได้รับข้อมูลละเอียดยิบและเข้าใจถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมของธุรกิจที่เติบโตดีต่อเนื่อง เตรียมเปิดขายไอพีโอเพื่อหาทุนไปขยายธุรกิจในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ ด้าน บล.พัฒนสิน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน มั่นใจกระแสตอบรับท่วมท้น คาดระดมทุนและเข้าซื้อขายได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 705,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 705,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เป็นทุนที่ชำระแล้วจำนวน 500,000,000 บาท มีความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 205,000,000 หุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทฯ จะดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว ดังนี้
(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 180,000,000 หุ้น โดยแบ่งเป็น
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 57,000,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยของบริษัท ที.เค.เอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ("TKS") ตามสัดส่วนการถือหุ้น ("Pre-emptive Right") โดยผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยของ TKS มีสิทธิที่จะจองซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในจำนวนเท่ากับหรือเกินกว่าสิทธิที่ตนได้รับ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน 57,000,000 หุ้น
-หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 123,000,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก
(2) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 25,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่ออกและเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ ในราคาใช้สิทธิเท่ากับ ราคาที่ลดจากราคาเสนอขายให้แก่ประชาชนและบุคคลทั่วไปในครั้งนี้ร้อยละ 25
วัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการจัดหาแหล่งเงินทุนและมีเงินทุนเพียงพอที่จะขยายธุรกิจในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ
สำหรับโครงการในอนาคต บริษัทฯ วางแผนการขยายธุรกิจไปยังผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะทำการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบของซีเน็คชอป (CNEX Shop) ซึ่งเป็นร้านค้ารูปแบบการทำสัญญาร่วมลงทุนระหว่างบริษัทฯ กับผู้ที่ต้องลงทุน (Franchise) ที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง โดยบริษัทฯ จะให้สิทธิในการจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ รูปแบบของอาคารร้านค้า การตกแต่ง ตราสัญลักษณ์ เครื่องหมายการค้า ป้ายโฆษณา แบบหีบห่อผลิตภัณฑ์ รวมถึงเทคนิคทางธุรกิจ ระบบการเงินการบัญชี และการจัดการแก่ผู้ร่วมลงทุน โดยผู้ร่วมลงทุนจะต้องสั่งซื้อสินค้าจากทางบริษัทฯ เท่านั้น ทั้งนี้ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายที่เป็นสาระสำคัญในการขยายสาขาของซีเน็คชอป โดยคาดว่าจะดำเนินการขยายสาขาประมาณ 20 สาขา ในปี 2551 และขยายสาขาให้ได้ทั้งหมด 250 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี และสำหรับในปี 2551 นี้คาดว่าจะเปิดสำนักงานสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล และอีก 2 สาขาในต่างจังหวัด
นอกจากนั้น จะมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยการขยายตราสินค้าและฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเสร็จและกึ่งเสร็จ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะตราสินค้าที่รับความนิยมในตลาด พร้อมทั้งมุ่งเน้นการผลิตสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ (CTO: Configuration-to-Order) ภายใต้เครื่องหมายการค้า Lemel มากขึ้น ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบประมาณ 4,000 เครื่อง/เดือน และกำลังศึกษาแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในปี 2551 โดยจะขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (Modern Trade) เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนั้น การได้รับใบรับรองมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เลขที่ 1561-2548 มาตรฐานด้านความปลอดภัย และเลขที่ 1956-2548 มาตรฐานด้านขีดจำกัดสัญญาณรบกวนวิทยุ จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ Lemel ของบริษัทฯ ได้รับรองคุณภาพเทียบเท่าสากล ทางบริษัทฯ จึงมีแผนนำเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ Lemel เข้าสู่ตลาดองค์กรและงานประมูลภาครัฐมากขึ้น สำหรับในไตรมาสที่ 2-3 ปี 2551 มีแผนเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) ภายใต้เครื่องหมายการค้า Lemel และเครื่องเน็ตบุ๊ก ขนาด 9 นิ้ว โดยตั้งเป้ายอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาทั้งหมดประมาณ 6,000 เครื่อง โดยมีงบประมาณการทำตลาดของเครื่องหมายการค้า Lemel ประมาณ 20 ล้านบาท
นอกจากนั้น จะมุ่งเน้นงานด้านบริการที่สามารถเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น โดยบริษัทฯ จะรับบริการเป็นศูนย์บริการซ่อมสินค้าให้แก่สินค้าที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อเป็นการลดภาระการซ่อมสินค้าของผู้ผลิตที่ไม่มีศูนย์ซ่อมสินค้าของตัวเอง ทั้งนี้ บริการซ่อมสินค้าดังกล่าวจะดำเนินงานโดยบริษัท พริซึ่ม โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหารผู้บังคับบัญชาสายงานบริการด้านวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่าในวันนี้ ( 22 พฤษภาคม 2551)จะนำเสนอข้อมูล บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้กับนักลงทุนทั่วไป(โรดโชว์) ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ทันภายในเดือนมิถุนายนนี้
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยบริษัทฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกมากกว่า 50 ตราสินค้า และมีฐานลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเอง รวมถึงห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านอุปกรณ์เครื่องเขียน ฯลฯ โดยในปี 2550 บริษัทฯ มีจำนวนคู่ค้าทั้งหมดมากกว่า 5,000 ราย
บริษัทฯ จัดจำหน่ายออกเป็น 8 กลุ่ม โดยมีรายละเอียดของแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์ชิ้นส่วน (Component Product Group : CPG)
2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุสิ้นเปลือง (Consumables & Supply Group : CSG)
3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์เพื่อการพิมพ์ (Image & Printing Product Group : IPG)
4.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเน็ทเวิร์ก (Network Product Group : NPG)
5. กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์แสดงผลข้อมูล (Display Product Group : DPG)
6. กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเสร็จและกึ่งเสร็จ (System Product Group : SPG)
7. กลุ่มผลิตภัณฑ์ MCE (Multimedia Consumer Electronic Product Group : MCE)
8. กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ (Software Product Group : SWG)
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : คุณสิริน วิวัฒน์เจริญพงศ์ โทร. 02-5549353 / 089-728-6389