กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่มีต่อประเทศของการให้บริการการเดินอากาศ ตลอดจนสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการการเดินอากาศแต่เพียงรายเดียว และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความต้องการบริการขนส่งทางอากาศในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิกในระยะปานกลางและระยะยาวที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทในอนาคต นอกจากนี้ การสนับสนุนจากรัฐบาลยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มสถานะเครดิตให้แก่บริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงความคาดหมายที่บริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและฟื้นฟูสมดุลของค่าบริการรอเรียกเก็บจากสายการบินที่เป็นสมาชิกสะสมเอาไว้ได้ในปีงบประมาณ 2551 ภายหลังจากที่ได้ลงทุนเป็นจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ณ ที่ทำการใหม่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งรัฐบาลถือหุ้น 91% และที่เหลืออีก 9% ถือหุ้นโดยสายการบินต่างๆ รัฐบาลไทยในฐานะรัฐภาคีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization -- ICAO) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบให้ความปลอดภัยในบริการขนส่งทางอากาศเหนือน่านฟ้าประเทศไทย ได้มอบหมายให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการจราจรทางอากาศ รวมทั้งระบบและเทคโนโลยีสำหรับการเดินอากาศของประเทศซึ่งถือเป็นบริการหลักในการให้ความปลอดภัยสำหรับการขนส่งทางอากาศ ในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการดังกล่าวเพียงรายเดียวของประเทศ พื้นที่รับผิดชอบของบริษัทคือเขตแถลงข่าวการบินกรุงเทพฯ (Bangkok Flight Information Region -- BKK FIR) บริษัทให้บริการจราจรทางอากาศ ข่าวสารการเดินอากาศ และเทคโนโลยีการเดินอากาศตามมาตรฐานและระเบียบวิธีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การดำเนินงานของบริษัทขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญ โดยงบประมาณการลงทุนต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี ส่วนงบประมาณทุกประเภทต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกองทัพอากาศ โดยคณะกรรมการของบริษัทจำนวน 9 คนจาก 11 คนได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาล ส่วนอีก 2 คนเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นที่เป็นสายการบินสมาชิก ในขณะที่อัตราค่าบริการของบริษัทต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการบินพลเรือน
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วงปี 2547-2549 บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยได้ก่อหนี้จำนวนมากเพื่อใช้ในการลงทุน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 64.4% ในปี 2547 เป็น 80.3% ในปี 2549 ทั้งนี้ ในปี 2550 บริษัทได้ลงทุนเพิ่มอีกเป็นจำนวน 1,004 ล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่มาจากการกู้ยืม จึงส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 82.1% คาดว่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากบริษัทยังมีแผนในการลงทุนอีกเป็นจำนวนมากเพื่อติดตั้งอุปกรณ์และพัฒนาระบบใหม่ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการการเดินอากาศในระดับภูมิภาค
ในปี 2549 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญสู่ระดับ 16 ล้านบาทเนื่องจากต้นทุนในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มดำเนินงานที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งส่งผลให้เกิดค่าบริการรอเรียกเก็บจากบริษัทสายการบินที่เป็นสมาชิกจำนวน 438 ล้านบาท การที่บริษัทคิดค่าบริการต่อหน่วยและตัวคูณปัจจัยเพิ่มขึ้น ตลอดจนปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2550 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 582 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกของปีบัญชี 2551 (ต.ค.-ธ.ค. 2550) บริษัทมีรายได้เกินกว่าค่าใช้จ่ายซึ่งจะช่วยปรับปรุงสถานะค่าบริการรอเรียกเก็บจากบริษัทสายการบินที่เป็นสมาชิกสะสม อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 0.4% ในปี 2549 เป็น 12.3% ในปี 2550 แม้ว่าฐานะทางการเงินของบริษัทจะไม่แข็งแกร่งเท่าบริษัทอื่นๆ ที่มีสถานะอันดับเครดิตในระดับสูงเหมือนกัน แต่บริษัทก็ยังคงสามารถดำรงสถานะอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งดังกล่าวเอาไว้ได้ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่จากการมีบทบาทที่สำคัญต่อประเทศ ทริสเรทติ้งกล่าว