SPPT มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจขยายตัวชัด หนุนรายได้ทั้งปีทะลุ 1 พันลบ.ตามเป้า

ข่าวทั่วไป Monday May 26, 2008 14:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
"ประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์" มั่นใจครึ่งปีหลังผลประกอบการ SPPT ขยายตัวชัดเจน เหตุเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ HDD และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจ Non HDD เพิ่มขึ้น ประกอบกับจะมีการส่งมอบและรับรู้รายได้จากเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบเครื่องแรก ช่วยหนุนรายได้ทั้งปีเติบโต 40% ทะลุ 1,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย จากปีก่อนที่มีรายได้ 700 ลบ. ส่วนระยะยาวอาศัยความเชี่ยวชาญในวงการ แจ้งเกิดธุรกิจ Non HDD ให้สร้างรายได้เทียบชั้นธุรกิจ HDD ได้ภายในเวลาเพียง 2 ปี
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT กล่าวถึงทิศทางผลประกอบการในครึ่งหลังของปี 2551 ว่า มีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับผลประกอบการในครึ่งปีแรก เนื่องจากตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีเป็นต้นไปจะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขาย (High Season) ของธุรกิจ Hard Disk Drive (HDD) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันบริษัทได้เริ่มแตกไลน์ธุรกิจไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Non Hard Disk Drive ) เช่นผลิตภัณฑ์กลุ่มคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และเอนเตอร์เทนเม้นท์(Consumer Electronic & Entertainment) อาทิ ชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ เอ็มพี 3 เครื่องเล่นเกมส์ ชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวชัดเจนมากขึ้นในครึ่งหลังของปี ดังนั้นจึงจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการของ SPPT เติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
"ในครึ่งปีหลังรายได้จากธุรกิจ Non HDD จะหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากเราได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท นิคอน ประเทศไทย ให้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์เพื่อส่งกลับไปประกอบในโรงงานนิคอน ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2/2551 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ปีแรกที่ 100 ลบ. ส่วนในไตรมาสที่ 3 จะมีโครงการเพิ่มเติมจากบริษัท นิคอน ประเทศไทย เป็นโครงการประกอบมอเตอร์กล้องถ่ายรูป ซึ่งโครงการดังกล่าว จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ กรกฎาคมนี้ โดยประมาณการรายได้ 50 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non HDD ขยับเพิ่มมาอยู่ที่ 16-17% ของรายได้รวมเทียบกับปีที่ผ่านมาที่รายได้เกือบ 100% มาจากกลุ่ม HDD"
นอกจากนั้น ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (SPEE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะมีการส่งมอบเครื่องจักร Polymer Energy ที่จะส่งมาทำการติดตั้ง ณ เทศบาลนครระยอง เพื่อแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย และจะรับรู้รายได้ในช่วงเดียวกัน ทำให้ SPEE เป็นบริษัทที่มีรายได้และกำไรเป็นปีแรก ซึ่งจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ส่งผลให้ผลประกอบการของ SPPT ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
ประธานกรรมการบริหาร SPPT กล่าวอีกว่า หลังจากที่บริษัทเริ่มแตกธุรกิจออกไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ Non HDD พบว่าธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าเดิมได้เห็นผลงานของบริษัทที่ประกอบธุรกิจมาอย่างซื่อสัตย์ สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าและการให้บริการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัดสินใจมอบงานใน กลุ่ม Non HDD ในโครงการสำคัญที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงและเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญให้ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ในขณะที่กลุ่มลูกค้าเดิมก็อาจจะส่งงานให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจดังกล่าวขยายตัวในอนาคต โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 40% ภายในเวลาเพียง 2 ปีข้างหน้านี้ และเนื่องจากธุรกิจกลุ่ม Non HDD มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า HDD ซึ่งคาดว่าจะผลักดันให้ผลรายได้และกำไรของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันด้วย ส่วนในปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 700 ล้านบาท
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) TEL : 02-554-9394 / 085-133-0184

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ