ธนาคารเฟิร์สอินเตอร์เนชั่นแนล แห่งอิสราเอล (First International Bank of Israel) ขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยโซลูชั่นของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 29, 2008 17:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--คอร์ แอนด์ พีค
พนักงานและลูกค้าของธนาคารเฟิร์สอินเตอร์เนชั่นแนลแห่งอิสราเอล (เอฟไอบีไอ) กลุ่มธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของอิสราเอล ต้องการเข้าถึงข้อมูลและแอพพลิเคชั่นของธนาคารได้อย่างปลอดภัยและไม่มีปัญหาด้านระบบหยุดทำงาน ธนาคารแห่งนี้ต้องการความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นราว 100% ในแต่ละปี แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการหยุดทำงานของแอพพลิเคชั่นที่กำลังเพิ่มมากขึ้นและระยะเวลาในการกู้คืนข้อมูลก็ช้าลง จากความช่วยเหลือของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ทำให้ธนาคารแห่งนี้สามารถปรับปรุงยุทธศาสตร์ด้านการจัดเก็บข้อมูลของตนได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ด้วยชื่อเสียงที่ลูกค้าให้การยอมรับ ทำให้ธนาคารเฟิร์สอินเตอร์เนชั่นแนลแห่งอิสราเอล (เอฟไอบีไอ) สามารถนำพาธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์กรแห่งนี้ได้ขยายเครือข่ายสาขาธนาคารไปทั่วประเทศเกือบ 100 แห่ง ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อสถาบันด้านการธนาคารจำนวนมาก และการจัดตั้งสาขาในสวิตเซอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร ภายใต้การให้ความสำคัญอย่างมากในด้านการบริการลูกค้า บริษัทจึงดำเนินการปรับปรุงการบริการของธนาคารอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงบริการผ่านทางเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ที่ทันสมัย ทั้งสองช่องทางสามารถช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกรรมทางไกลในทุกประเภทผ่านทางระบบเสมือนจริง
มาทาฟ (Mataf) ซึ่งเป็นทีมงานด้านไอทีของธนาคารเอฟไอบีไอ ซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการและดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ของธนาคารที่ครอบคลุมทั้งระดับสาขาและบริการต่างๆ ที่มีอยู่หลายช่องทาง ด้วยการทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของธนาคารจะปลอดภัยและแอพพลิเคชั่นของธนาคารจะสามารถทำงานได้อย่างดีที่สุดตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน โดยไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนพนักงานจำนวน 3,000 รายของธนาคารเอฟไอบีไอเท่านั้น ยังทำให้แน่ใจได้ด้วยว่าบริการที่มอบให้กับลูกค้าจะรวดเร็วและราบรื่น
ด้วยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและการเข้าซื้อธุรกิจธนาคารต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของธนาคารเอฟไอบีไอตกอยู่ในสถานการณ์ที่แยกส่วนการทำงานและยังต้องรับมือกับปริมาณการเติบโตที่รวดเร็วของข้อมูลด้วย โดยตั้งแต่ปี 2548 — 2549 ระบบจัดเก็บข้อมูลของธนาคารต้องการพื้นที่มากขึ้นสองเท่าจาก 35 เทราไบต์ เป็น 70 เทราไบต์ ดังนั้น ในกรณีกู้คืนข้อมูลจึงต้องใช้เวลานานขึ้น ซึ่งนั่นขัดขวางประสิทธิภาพของการทำงานได้
ขณะเดียวกันธนาคารกลางของอิสราเอลได้ขยายช่วงเวลาทำงานของธุรกิจการธนาคารในอิสราเอลเพิ่มเป็น 9 ชั่วโมง ส่งผลให้เวลาในการสำรองข้อมูลในแต่ละวันของธนาคารเอฟไอบีไอลดน้อยลง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ธนาคารต้องใช้เวลาในการสำรองข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ มาทาฟจึงตกอยู่ในสถานการณ์กดดันอย่างหนักที่จะต้องทำให้ธนาคารสามารถสำรองข้อมูลได้ทั้งหมดในเวลาที่ลดน้อยลง นอกจากนี้ มาทาฟยังต้องการระบบการสำรองข้อมูลที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นและต้องมีความน่าเชื่อถืออย่างมากเพื่อรองรับความต้องการของแอพพลิเคชั่นได้อย่างเพียงพอ และยังคงสามารถแข่งขันได้สูงสุดด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อต้องจัดการกับระบบสำรองข้อมูลที่เพิ่มขึ้นของธนาคาร มาทาฟจะอัพเกรดระบบเทปเสมือนของยี่ห้อหนึ่งเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากพิจารณาปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบของกฎระเบียบใหม่ในการป้องกันข้อมูล รวมทั้งข้อกำหนดด้านการเก็บรักษาข้อมูล ทำให้มาทาฟพบว่าความต้องการในระบบจัดเก็บข้อมูลของธนาคารเอฟไอบีไอจะเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าอีกครั้งจากปี 2550 ไปเป็นระดับ 150 เทราไบต์ ดังนั้น มาทาฟจึงต้องปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูลครั้งใหญ่ เพื่อให้ธนาคารสามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นได้อย่างต่อเนื่องและสนับสนุนความต้องการด้านการดำเนินงานและธุรกิจของธนาคารเอฟไอบีไอในหลายๆ ด้านด้วย
ปรับปรุงเศรษฐศาสตร์ด้านระบบจัดเก็บข้อมูลได้ดีขึ้น
ความนิยมในการใช้บริการผ่านช่องทางทั้งสอง (เว็บไซต์และศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์) ในเมืองเทลอาวีฟ ทำให้มาทาฟต้องสามารถจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งได้แก่ เมนเฟรมและเซิร์ฟเวอร์กว่า 300 เครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการหลายรูปแบบ โดยโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้โซลูชั่นเทปของผู้ค้ารายหนึ่ง และธนาคารกำลังใช้ระบบสตอเรจบางอย่างของบริษัท ฮิตาชิ ด้วย ได้แก่ Hitachi TagmaStore? Universal Storage Platforms 2 ชุด ที่ใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการสำรองข้อมูลที่ชื่อว่า Hitachi TrueCopy? Syc
“เทปเป็นสื่อสำรองข้อมูลส่วนใหญ่ที่เราใช้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ขณะนี้ระบบดังกล่าวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ เราต้องการโซลูชั่นที่ให้การบีบอัดข้อมูลที่ดีกว่าเดิม สามารถปรับปรุงเวลาการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลได้ รวมทั้งไม่เพิ่มความซับซ้อนด้านการจัดการด้วย” นายโอเด็ด แทกเกอร์ ผู้จัดการฝ่ายผลิต การวางแผนด้านการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและการกู้คืนข้อมูลที่เสียหาย (BCP & DRP) อีดีเอส-เอฟไอบีไอ กล่าว (อีดีเอสดูแลโครงสร้างพื้นฐานให้กับมาทาฟ) และว่า “แน่นอนว่าเราต้องการลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม [total cost of ownership: TCO
] ในขณะที่ต้นทุนด้านระบบจัดเก็บข้อมูลของเรากำลังเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ มาทาฟได้ประเมินโซลูชั่นของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และยี่ห้ออื่น พบว่า การเพิ่มความจุของโครงสร้างพื้นฐานแบบเทปที่มีอยู่นั้นต้องลงทุนอย่างมาก ขณะที่โซลูชั่นเดิมนั้นสามารถให้อัตราการบีบอัดข้อมูลที่1:3 เท่านั้น ดังนั้น มาทาฟจึงตัดสินใจเลือกโซลูชั่นไลบรารีเทปเสมือน (Virtual Tape Library Solution) จากบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ที่ใช้เทคโนโลยี ProtecTIERTM VT ของดิลิเจนท์ทีเอ็ม เทคโนโลยีส์ ซึ่งช่วยให้มาทาฟสามารถเข้าถึงอัตราการบีบอัดข้อมูลที่ระดับ 1:20 ส่งผลให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการสำรองและการคืนค่าข้อมูลของมาทาฟอย่างมาก
“บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เป็นผู้ค้าเพียงรายเดียวเท่านั้นที่นำเสนออัตราการบีบอัดข้อมูลระดับสูง” นายแทกเกอร์ กล่าว และว่า “ด้วย ProtecTIER VT ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนเศรษฐศาสตร์ด้านการสำรองและคืนค่าข้อมูลได้ดีขึ้น”
ทั้งนี้ มาทาฟและบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้ปรับการออกแบบใหม่เพื่อให้แน่ใจได้ว่าโซลูชั่นเฉพาะของธนาคารเอฟไอบีไอจะสามารถใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมสตอเรจแบบชั้นได้ ด้วยเหตุนี้ มาทาฟจึงสามารถจัดสรรชั้นต่างๆ ของระบบจัดเก็บข้อมูลลสตอเรจ (บนฐานของประสิทธิภาพ ความพร้อมใช้งาน เวลาในการกู้คืน และอื่นๆ) ที่เหมาะสมได้ตรงตามระดับความต้องการของแอพพลิเคชั่นธุรกิจ
ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ โกลบอล โซลูชั่น เซอร์วิส หรือจีเอสเอส (Hitachi Data Systems Global Solution Services: GSS) ได้เข้ามาช่วยในด้านการปรับใช้ การรวมระบบ และการนำโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบชั้นรูปแบบใหม่ไปใช้ได้อย่างเหมาะสม การได้ร่วมงานกับมาทาฟทำให้จีเอสเอสเข้าใจถึงปัญหาของธุรกิจธนาคาร และลักษณะการทำงานของระบจัดเก็บข้อมูลที่ต้องทำให้สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
นอกจากโซลูชั่นไลบราลีเทปเสมือน (Virtual Tape Library Solution) แล้ว มาทาฟยังได้ปรับใช้ Hitachi TagmaStore Adaptable Modular Storage รุ่น AMS500 จำนวน 2 ชุด โดยติดตั้งไว้ในศูนย์บริการทั้งสองแห่ง และเมื่อนำไปติดตั้งเข้ากับ TagmaStore Universal Storage Platforms ที่มีอยู่ AMS500 ได้เพิ่มเติมความจุในด้านการจัดเก็บข้อมูลให้กับโซลูชั่นไลบรารีเทปเสมือน และสตอเรจชั้นที่สองแก่เมนเฟรมและระบบแบบเปิด โดยภายในเวลาเพียงสองเดือน พนักงานและลูกค้าของธนาคารเอฟไอบีไอต่างก็ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลใหม่นี้
ใช้ประโยชน์ได้เพิ่มขึ้นและลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม
โซลูชั่นไลบรารีเทปเสมือนได้ลดจำนวนระบบจัดเก็บข้อมูลขณะที่สามารถสำรองข้อมูลได้มากขึ้น จะเห็นได้ว่า มาทาฟพอใจอย่างมากกับอัตราการบีบอัดข้อมูลที่ระดับ 1: 20 ซึ่งแสดงให้เห็นในระหว่างการทดสอบระบบ และเมื่อนำไปใช้งานจริง อัตราการบีบอัดข้อมูลสามารถดำเนินการได้สูงสุดถึงที่ระดับ 1:25
โซลูชั่นดังกล่าวเพิ่มความน่าเชื่อถือและความเร็วในกระบวนการสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างมาก นายเทกเกอร์ กล่าวว่า “การกู้คืนที่เคยใช้หลายชั่วโมงจึงจะสำเร็จได้นั้น ขณะนี้ใช้เวลาเพียงระดับนาทีเท่านั้น” และว่า “เราไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาเทปสำรองอีกต่อไป เนื่องจากขณะนี้ข้อมูลทั้งหมดได้รับการจัดเก็บไว้ในดิสก์แล้ว ส่งผลให้ระบบสำรองข้อมูลดีขึ้นและการกู้คืนก็สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น ทำให้ภาวะหยุดการทำงานของระบบและข้อมูลสูญหายน้อยลง ตลอดจนปรับปรุงความสามารถในการผลิตของธุรกิจได้ด้วย”
การรวมโซลูชั่นเทปเสมือนและแนวคิดจัดเก็บข้อมูลแบบชั้นอัจฉริยะกำลังช่วยให้ธนาคารเอฟไอบีไอประหยัดเงินและเวลาด้วยการทำให้ธนาคารสามารถรวมชั้นต่างๆ ของระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีราคาไม่แพงและปรับปรุงการใช้ประโยชน์ระบบจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดได้ดีขึ้น
แม้ชั้นต่างๆ ของระบบจัดเก็บข้อมูลจะเพิ่มขึ้น แต่งานด้านการบำรุงรักษาโครงสร้างก็สามารถดำเนินการได้ง่ายด้วยด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงขั้นสูงของ Universal Storage Platforms ซึ่งทำให้แหล่งจัดเก็บข้อมูลทั้งภายในและภายนอกสามรถมองเห็นเป็นกลุ่มระบบจัดเก็บข้อมูลที่รวมกันป็นหนึ่งเดียว โดยขณะนี้ มาทาฟสามารถจัดการและย้ายข้อมูลทั่วทั้งโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจทั้งหมดได้อย่างราบรื่นโดยใช้อินเตอร์เฟสเดียวในการจัดการ ที่สำคัญโซลูชั่นนี้ยังสนับสนุนยุทธศาสตร์การกู้คืนข้อมูลที่ได้รับความเสียหายของธนาคารเอฟไอบีไอ เนื่องจากซอฟต์แวร์ TrueCopy ให้การจำลองข้อมูลได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของศูนย์ข้อมูลทั้งสองแห่ง สนับสนุนระบบจัดเก็บข้อมูลทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง รวมถึงโซลูชั่นไลบรารีเทปเสมือนด้วย
นายแอมนอน เบค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของมาทาฟให้ข้อสรุปว่า “ระดับของบริการและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ยากจะมีใครเหมือน และจากความร่วมมือกันทำให้เราสามารถเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานสตอเรจของธนาคารเอฟไอบีไอเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้านไอทีและธุรกิจของเราอย่างมาก”
สอบถามรายละเอียดเพิ่ม กรุณาติดต่อ:
ศรีสุพัฒ เสียงเย็น ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด (02) 439 — 4600 ต่อ 8300 Srisuput@corepeak.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ