กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
นายชาญ ศิริรัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของเมืองไทย เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบันทุกกลุ่มธุรกิจต่างเผชิญปัญหาราคาต้นทุนการดำเนินงานที่ขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันอันถือเป็นหัวใจหลักในการกำหนดราคาสินค้าและบริการต่างๆ มีราคาสูงขึ้นกว่าในอดีตมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องคอยดูแลรักษาอาคารของตนให้อยู่ในสภาพดี ทั้งผู้พัฒนาโครงการ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า และอื่นๆ ซึ่งหลายรายต้องเผชิญปัญหาด้านค่าใช้จ่ายระบบสาธารณูปโภคและทรัพยากรบุคคลในด้านต่างๆ ที่นับวันยิ่งแพงขึ้นตามราคากลไกตลาด ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางการแข่งขันด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นทุกวัน ทำให้ทุกโครงการต้องปรับตัวโดยเน้นการพัฒนาในทุกๆส่วนของโครงการ ทั้งด้านการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูสวยงามน่าเชื่อถือ การตอบสนองความต้องการต่างๆ ของผู้ใช้อาคาร ซี่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทฯ ซึ่งถือเป็นผู้นำด้านธุรกิจบริหารโครงการของเมืองไทย จึงต้องการที่จะพัฒนาระบบที่เข้ามาแบ่งเบาปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ดูแลภาพลักษณ์ของโครงการไปจนถึงการตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกันให้แก่เจ้าของอาคารได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้บริการ “บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร” หรือ “Total Facility Management” ซึ่งเป็นศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา และด้วยประสิทธิผลอันเป็นเลิศ หลักการบริการดังกล่าวจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในนานาประเทศทั่วโลก
“ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จึงได้นำศาสตร์ดังกล่าวมาพัฒนาและพร้อมให้บริการด้าน “บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร” หรือ “Total Facility Management” โดยเราได้ส่งทีมพนักงานเข้าศึกษาหลักสูตรดังกล่าวที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มีพื้นฐานทฤษฎีที่พร้อมจะนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับสภาพการบริหารโครงการในเมืองไทย โดยได้เริ่มนำระบบดังกล่าวมาทดลองใช้กับโครงการที่เราบริหารอยู่ก่อนแล้วกว่า 2 ปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต้องดีกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันเรามีเจ้าของอาคารที่ใช้บริการด้าน “บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร” หรือ “Total Facility Management” รวม 10 ราย อาทิเช่น อาคารธาราสาทร, อาคารวรรณสรณ์, กลุ่มบริษัท จีอี แคปปิตอล และอาคารสิริภิญโญ เป็นต้น โดยเชื่อมั่นว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นรวม 20 ราย และหากเป็นไปตามเป้า เราจะสร้างรายได้จากธุรกิจบริหารโครงการรวม 55 ล้านบาท” นายชาญ ศิริรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริการด้าน “บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร” (TFM) ที่พัฒนาโดย บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นั้น สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคน ไปจนถึงการดูแลและสร้างเสริมภาพลักษณ์ของอาคารด้วย “ที่เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในทุกๆ ส่วนได้นั้น เกิดจากการเข้าสำรวจเก็บข้อมูล พร้อมทั้งนำกลับมาประเมินผล เพื่อสร้างสมดุลย์ระหว่างรายจ่ายและผลลัพธ์ที่ได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปัจจุบันเรามีทีมที่แข็งแกร่งที่พร้อมในการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ และที่ผ่านมาเจ้าของอาคารทุกรายต่างพึงพอใจกับผลที่ได้จากการบริหารอาคารด้วยระบบ “บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร (TFM) เพราะเป็นระบบที่เข้ามาเหมาะสมกับยุคที่ทุกอย่างแพงและดูจะแพงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากเรื่องของต้นทุนการจัดการในด้านต่างๆของเจ้าของอาคารจะสูงขึ้นแล้ว การแข่งขันในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะนั้น ผลักดันให้เจ้าของอาคารทุกประเภทต้องเน้นการตอบสนองต่อความต้องการในด้านต่างๆของผู้ใช้อาคาร อาทิ การสร้างและดูแลภาพลักษณ์ของอาคาร จัดหาบริการพิเศษต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้อาคาร ควบคู่ไปกับการจัดการเรื่องต้นทุนเพื่อให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งเดิมและคู่แข่งใหม่ที่กำลังเข้ามาในตลาดดังเช่นปัจจุบัน” กรรมการบริหาร บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าว
เกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจบริหารโครงการของเมืองไทยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า นายชาญ ศิริรัตน์ กล่าวแสดงความเห็นว่า “ผมเชื่อว่าตลาดยังโตได้อีกมาก จากผลการสำรวจโดยทีมงานของทัช พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าปัจจุบันมีอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) จำนวนประมาณ 380 อาคาร โดยใน 380 อาคารนี้ เป็นอาคารที่เจ้าโครงอาคารดูแลบริหารจัดการอาคารเอง 67 % ส่วนที่เหลืออีก 33 % เป็นอาคารที่จ้างบริษัทบริหารจัดการอาคาร แสดงให้เห็นว่ายังมีอาคารอีกกว่าครึ่งที่ยังไม่มีผู้บริหารจัดการโครงการให้ นับเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะเข้าไปรับบริหารจัดการอาคาร อีกทั้งเรายังสามารถขยายตลาดไปสู่เขตเมืองรอบนอกได้อีก และยิ่งปัจจุบันมีการขยายโครงการที่อยู่อาศัย ขยายระบบคมนาคม ทำให้อาคารใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว แน่นอนว่าธุรกิจบริหารโครงการก็ต้องขยายบริการเพื่อตอบความต้องการดังกล่าวเช่นกัน สำหรับผู้ที่สนใจให้ ทัช เข้าไปให้คำปรึกษาในด้านบริหารโครงการ สามารถติดต่อมาได้ที่ 02 661-7333 หรือ www.touch.co.th”
ปัจจุบัน บริษัท ทัช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ให้บริการด้านธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร โดยมีรายได้หลัก 55% จากธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร, 35% จากธุรกิจบริหารงานขาย ส่วนที่เหลืออีก 10 % มาจากธุรกิจตรวจสอบอาคารและธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์