กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--กู๊ด เน็ตเวิร์ค
วงการตกแต่งรถสวยกระหึ่ม! บริษัท ออโต้ทริม เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Autotrim” บุกตลาดหลังรับผลิตให้ยี่ห้อดังจากต่างประเทศมานาน พร้อมเดินหน้าจัดใหญ่งานแสดงสินค้าที่อิมแพค เมืองทองธานีใน 30 พ.ย.-12 ธ.ค.นี้ เผยในปี 2548 ส่วนแบ่งตลาดพุ่ง 40-45 % ดึงยอดขายเฉียด 100 ล้านบาท
นายวัฒกฤษณ์ อุดรชัยนิตย์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ออโต้ทริม อินเตอร์เนชั่นแนล ทรานเซ็คชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ภายใต้ยี่ห้อ “Autotrim” เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 พ.ย. — 12 ธ.ค. 2548 นี้ บริษัทจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์สวย มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2005 เพื่อเป็นการเปิดตัวยี่ห้อใหม่ ภายใต้ชื่อ “Autotrim” หลังจากได้รับผลิตสินค้าให้ยี่ห้อดังมานาน ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรู้จักและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์
ส่วนแนวคิดการสร้างยี่ห้อใหม่นั้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้รับจ้างผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์แต่งรถยุโรปมานานกว่า 17 ปี และเพื่อการสานต่อธุรกิจของ นายพงษ์ศักดิ์ อุดรชัยนิตย์ ผู้ริเริ่มและก่อตั้งมาเป็นเวลานาน และต้องการสร้างยี่ห้อใหม่ให้เป็นของตัวเอง เพื่อให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าโดยเฉพาะเจ้าของรถเอง เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้สร้างการรับรู้เรื่องยี่ห้อให้ลูกค้าเพียงแต่เป็นที่รู้จักดีกับตัวสินค้า ในวงการรถยนต์ ทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า เพื่อให้ได้ของดีมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
นายวัฒกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับจุดแข็งของ “Autotrim” นั้น อยู่ที่ศักยภาพในการผลิตที่มีคุณภาพทัดเทียมกันสินค้าต่างประเทศ มีราคาที่เหมาะสมกว่า และยังผลิตได้หลากหลาย ตามที่ลูกค้าต้องการ ปัจจุบันบริษัททีกำลังการผลิตอยู่ที่ 200,000 ชิ้น มีมูลค่าจำหน่ายต่อปีทั้งในและส่งออกรวมแล้วประมาณ 70 ล้านบาท ที่สำคัญบริษัทได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาสินค้าในปี 2549 ไว้แล้วโดยจะพัฒนาไปพร้อมกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาด ซึ่งบอกไม่ได้ว่า เป็นสินค้าประเภทใด แต่บริษัทจะยึดผลิตภัณฑ์ลายไม้ คาร์บอนไฟเบอร์ พิมพ์ลายไม้และโลหะเป็นหลัก และยังจะพัฒนาสินค้าตกแต่งรถยนต์ให้หลากหลาย รองรับกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ ที่เป็นผู้รักการตกแต่งรถยนต์ เช่น รถยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ
ทั้งนี้หากดูจากสถิติการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีแนวโน้มการผลิตและจำหน่ายที่มากขึ้นถึง 15 % คาดว่าการเติบโตของสินค้าประเภทอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ จะไปในทิศทางเดียวกัน โดยการเติบโตไม่น้อยกว่า 15 % เช่นกัน
ด้านการจัดจำหน่ายนั้น บริษัทได้ทำในหลายแนวทาง อาทิ การขายส่ง ผ่าน daler, oem, ร้านประดับยนต์ และอู่รถยนต์ และการขายตรงให้กับ sales showroom ยิ่งกว่านั้นยังขายทางอินเตอร์เน็ตทาง www.autotrim.co.th, www.tarad.com ตลอดจนการใช้สื่อโฆษณาต่างๆ
สำหรับส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท นายวัฒกฤษณ์ กล่าวว่า ตลาดในประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 40-45 % เนื่องจากคู่แข่งธุรกิจในประเภทเดียวกันไม่มีรายใหญ่ มีแต่ผู้ผลิตรายเล็กๆ ที่สร้างพื้นฐานและสั่งสมประสบการณ์ไปจากบริษัททั้งนั้น
ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นมีมาก บริษัทต้องรักษาระดับ และพัฒนาคุณภาพ ในการผลิตรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เช่น พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อลดระดับต้นทุน เป็นการเตรียมพร้อมแข่งขันกับ จีนและไต้หวัน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย
ส่วนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มส่วนแบ่ง หรือยอดขายให้มากขึ้นนั้น บริษัทมียี่ห้อของตัวเอง โดยจะใช้การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ยี่ห้อเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าโดยตรง ทั้งเก่าและใหม่ ขณะเดียวกันมุ่งพัฒนาทีมขายเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ารายใหม่
“ปัจจุบันบริษัทเราเน้นเป็นพิเศษคือ การบริการที่เป็นกันเอง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้ามารับบริการด้านการตกแต่งรถยนต์ ความต้องการสิ่งเดียวกันคือ คำแนะนำจากผู้ขายที่รู้จริงด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทเน้นการเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าที่ดี เพื่อสิ่งที่ได้เหนือกว่าความคาดหวัง และได้สิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเอง” นายวัฒกฤษณ์ กล่าวและวิเคราะห์ภาวะการตลาดในขณะนี้ว่า ตลาดในประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมันโลก แต่ผู้บริโภคระดับกลางและบนยังให้ความสนใจในการแต่งรถเพื่อความสวยงาม สำหรับสิ่งที่ต้องปรับตัวคือ รถยนต์ปัจจุบันได้รับการตกแต่งภายในจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรงมากขึ้น โดยเห็นได้ชัดจากพัฒนาของรถญี่ปุ่น ทำให้เกิดผลกระทบกับบริษัทตกแต่งรถยนต์หลังการขาย อย่างไรก็ตามผลดีก็มีเช่นกัน เนื่องจากการขยายขอบเขตในการตกแต่งรถยนต์จากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง เป็นการเพิ่มโอกาสการสั่งซื้อให้ผู้ผลิตสินค้าตกแต่งมากขึ้น
ส่วนตลาดต่างประเทศ โอกาสธุรกิจตกแต่งรถยนต์ยังเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัญหาราคาน้ำมันโลกยังไม่แสดงผลกระทบต่อธุรกิจนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจนับเป็นตลาดตกแต่งใหญ่ มีความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มากและมีการแข่งขันที่สูงนับเป็นข้อดีสำหรับบริษัทในไทย เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าของไทยมากกว่าจีนและไต้หวัน ที่มีผลกระทบอยู่บ้างคือ อัตราภาษีของผู้ซื้อและผู้ขาย ในการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท กู๊ด เน็ตเวิร์ค จำกัด
คุณภาวินี ชนะพลชัย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร 0-2946-8470-2
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--