กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
ตุ๊กตาบาร์บี้ หนึ่งในของเล่นที่ยึดครองหัวใจของเด็กหญิงทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ นับแต่ ปี ค.ศ.1959 เป็นต้นมา บาร์บี้ได้รับการศัลยกรรม ปรับเปลี่ยนโฉมหน้ามาแล้วถึง 4 ครั้ง คือในปี 1967, 1977, 1992 และ 1999 บาร์บี้ถือสัญชาติอเมริกัน มาประมาณ 46 ปีแล้ว โดยครอบครัวแฮนด์เลอร์-นางรูท แฮนด์เลอร์ เจ้าของบริษัท แมทเทล ซึ่งได้แนวความคิดที่จะผลิตตุ๊กตาสำหรับเด็กโต ในรูปแบบ 3 มิติ จาก บาร์บาร่า ลูกสาวของเธอขณะที่บาร์บาร่ากำลังนั่งเล่นตุ๊กตากระดาษ และได้ตั้งชื่อตุ๊กตาตามชื่อของลูกสาวว่า บาร์บี้ หรือในชื่อเต็มว่า บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท (Barbie Millicent Roberts) ความจริงบาร์บี้เป็นสาวราศีสิงห์ แต่ไปเปิดตัวให้คนรู้จักอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในงานแสดงของเล่น Toy Fair ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จึงได้ถือเป็นวันเกิดของตุ๊กตาบาร์บี้เรื่อยมา นับจากวันนั้นตุ๊กตาบาร์บี้ก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน…ถึงวันนี้บาร์บี้มียอดขายมากกว่า 1 พันล้านตัวในทั่วโลก สำหรับประเทศไทยบริษัท แมทเทล มอบหมายให้บริษัท ดีทแฮล์ม เป็นตัวแทนจำหน่าย
ตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากในเวลานั้น บาร์บี้เป็นตุ๊กตาผู้หญิงตัวแรก ที่มีขนาดกะทัดรัด มีรูปทรงลอยตัว และมีลักษณะที่เหมือนคนจริง “บาร์บี้” มีอิทธิพลกับเด็กที่กำลังจะเริ่มเป็นสาวเกือบทั่วโลกมากกว่าความเป็นเพื่อนเหมือนตุ๊กตาทั่วไป โดยเด็กๆ ตั้งความฝันที่จะโตขึ้นแล้วสวย แต่งตัวทันสมัย ใส่เสื้อผ้าที่ออกแบบโดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของตุ๊กตาบาร์บี้ในระยะเวลาต่อมา ทำให้เด็กๆ มองว่า บาร์บี้คือสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็นในอนาคต เรื่องราวของบาร์บี้มีชีวิตเหมือนคนจริงมากขึ้น เมื่อบาร์บี้มีแฟนหนุ่มชื่อเคน คาร์สัน (Ken Carson) ในปี ค.ศ.1961 หรือใน 2 ปี ต่อมาหลังจากที่บาร์บี้ถือกำเนิด ซึ่งในเวลาต่อๆ มา บาร์บี้ก็เริ่มมีสังคมมากขึ้นด้วยการมีเพื่อนต่างสีผิว, เพื่อนของเคน, น้องชาย, น้องสาว, ลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อนสาวอีกมากมาย
บาร์บี้กลายเป็นหนึ่งในของสะสมของบรรดาหญิงสาวที่หลงใหลในตุ๊กตาบาร์บี้ โดยไม่เกี่ยงว่าจะมีราคาค่างวดมากน้อยเพียงใด และแซนดี้ หงส์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะคาดคิดมาก่อนว่า ความคลั่งไคล้ในตุ๊กตาบาร์บี้ของแซนดี้ หงส์จะนำเธอไปสู่การเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้นักสะสมตุ๊กตาบาร์บี้คนแรกของประเทศไทย แซนดี้ยอมรับว่า ทุกย่างก้าวที่เธอไปต้องมีบาร์บี้เป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเสมอ ล่าสุดคือนาฬิกาข้อมือบาร์บี้สีชมพู เครื่องประดับประจำตัวเธอในเวลานี้และเธอยังยืนยันว่า ไม่มีใครสามารถแยกเธอออกจากตุ๊กตาบาร์บี้ได้
“เริ่มสะสมตุ๊กตาบาร์บี้มาตั้งแต่ปี 1995 สมัยเรียนที่ มหาวิทยาลัยโลซาน สวิสเซอร์แลนด์ เพราะเพื่อนให้ตุ๊กตาบาร์บี้ ควีนออฟฮาร์ท หรือราชินีแห่งหัวใจ เป็นของขวัญวันเกิดในเดือนมีนาคม รู้สึกประทับใจมากเพราะเป็นตุ๊กตาที่สวยและมีความหมายสำหรับเรา เป็นบาร์บี้ออริจินอลที่ชอบที่สุด ส่วนบาร์บี้ Modify ที่ชอบที่สุด คือ องค์หญิงฉางผิง ที่นำมาขึ้นปกหนังสือ “OOAK One of a Kind..” เป็นหนังสือที่เน้นภาพตุ๊กตา บาร์บี้ในแบบต่างๆ สีสันสวยงาม
ชอบตุ๊กตาบาร์บี้ เพราะมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกับตุ๊กตาประเภทอื่น มีความน่ารัก สดใส สามารถนำมาเก็บสะสม ใช้ตกแต่งบ้าน หรือให้เป็นของขวัญได้ เพราะมีคุณค่า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมอย่าง จริงจัง บ่อยครั้งลงทุนเดินทางไปซื้อตุ๊กตาถึงต่างประเทศ พอซื้อมาแล้วเราก็จะแกะเสื้อผ้าออกและสั่งให้ นัก Modify ทำตามแบบที่เราจินตนาการไว้ ซึ่งราคาก็จะแพงขึ้นไปอีก แต่มันก็ทำให้เรามีความสุข และใน วันเกิดของบาร์บี้ 9 มีนาคมของทุกปี เราจะได้รับ E-Card อวยพรวันเกิดจากบริษัทผู้ผลิต และเพื่อนๆ ก็จะส่งมาอวยพรเรา เปรียบเสมือนว่าเป็นวันเกิดของเราด้วย จึงทำให้เราผูกพันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน”
10 ปี กับการสะสมตุ๊กตาบาร์บี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ แซนดี้มีตุ๊กตาบาร์บี้มากกว่า 2,000 ตัว โดยใช้เงินไปกับการสะสมกว่า 6 ล้านบาท และด้วยจำนวนตุ๊กตาที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้แซนดี้ต้องหาบ้านให้บาร์บี้เพื่อจะได้มีพื้นที่สำหรับเก็บตุ๊กตา และดูแลรักษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“จะให้ความใส่ใจในเรื่องของการดูแลรักษาตุ๊กตามาก วัสดุก่อสร้างทุกอย่างในบ้านหลังนี้ต้องเซฟตุ๊กตาของเรา ในบ้านจะติดกระจกตัดแสงสีเขียว กำแพงเป็นคอนกรีตมวลเบาช่วยระบายความร้อน หลอดไฟใช้ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อมีความร้อนสูง ใส่สารกันชื้นในตู้กระจกตุ๊กตา และจะปิดผ้าม่านเพื่อไม่ให้แสงแดดเข้ามาถึงตุ๊กตา บางวันที่อากาศร้อนจัดต้องเปิดเครื่องปรับอากาศให้บ้าง และเวลาจับตุ๊กตาเราต้องล้างมือก่อนทุกครั้ง จะทำให้เขาอยู่กับเราได้นาน”
ด้วยความที่แซนดี้สะสมตุ๊กตาและเรื่องราวของบาร์บี้ไว้มากมาย เธอจึงมีความคิดที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของบาร์บี้ให้กับนักสะสมรุ่นใหม่ หรือน้องๆ เด็ก ๆ ที่สนใจในอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการจัดพิมพ์หนังสือ “One of a Kind” ก็คือการจัดแสดงตำนานตุ๊กตาบาร์บี้ในงาน The Legend of Barbie ที่ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ระหว่างวันที่ 24-29 มีนาคม นี้
ตุ๊กตาบาร์บี้ ถูกจับมาแปลงโฉมให้ดู หรูเลิศสวยเก๋ ด้วยเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่า ที่ออกแบบสำหรับ สาวน้อยแห่งโลกตุ๊กตา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มให้จินตนาการของพวกเธอเป็นจริงขึ้นมา และสิ่งที่ตามมามันให้คุณค่าเกินกว่าที่เราจะตีค่าเป็นราคาได้
“บาร์บี้ เป็นทั้งความฝัน และจินตนาการของเด็กสาวทุกคน เพราะเราคงไม่มีโอกาสที่จะได้ใส่ชุดราตรีสวยหรูไปงานได้ทุกวัน บาร์บี้ให้ความสุขกับเรา เวลากลับมาบ้านแล้วเรามีความสุขกับโลกส่วนตัวของเรา ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้สมาธิระหว่างการจัด ตกแต่ง และดูแลตุ๊กตา ได้ความรู้ในเรื่องราวประวัติศาสตร์
ของประเทศต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านบาร์บี้ เช่น ในเรื่องการแต่งกาย ส่วนในด้านของสังคมก็ทำให้เรามีกลุ่มเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง
การสะสมเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องสะสมสิ่งของที่มีราคาแพงก็ได้ เพราะของสะสมเปรียบเสมือนหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราจดจำสิ่งที่ดีๆในอดีตได้ การเก็บสิ่งของเหล่านี้ทำให้เกิดความคิดและจินตนาการในแง่ดี เก็บแล้วเกิดความคิดที่ว่าอยากทำนั่น ทำนี่ เหมือนกับทำหนังสือOne of a Kind ก็เป็นเหมือนการที่เราได้แชร์ความคิดให้กับคนอื่น ก็เป็นความสุขที่วัดค่าไม่ได้”
บาร์บี้ เปรียบเสมือนสื่อที่เชื่อมระหว่างโลกแห่งจินตนาการ และโลกแห่งความจริงเข้าไว้ด้วยกัน สามารถสร้างสรรค์ให้โลกใบนี้สวยงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และตราบใดที่โลกแห่งความฝันและจินตนาการของหญิงสาวยังไม่สิ้นสุด ตราบนั้นตุ๊กตาบาร์บี้ ก็จะยังคงอยู่เป็นเจ้าหญิงในหัวใจของทุกคนตลอดกาล
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
วรรณวิสาข์ พรหมมา, ภวิกา ขันทเขตต์
โทร. 0 2691 6302-4, 0 2274 4781-2
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--