"ว้อ มหาบ้ามหาสนุก" เข้าฉายวันที่ 17 กรกฎาคมนี้

ข่าวบันเทิง Tuesday June 10, 2008 11:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ขอเชิญชวนทุกบ้านใส่ตีนหมาโกยไปขำไปกับ “หมาสุดแสบ VS หมู่บ้านสุดบวม” หัวเราะไปกับมุกใสซื่อเกลื่อนไปทั่วทุ่ง ฮากันลูกรังกระจาย เมื่อหมาวัดแสนรู้อย่าง “ไอ้โชค” ที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ตกเป็นจำเลยถูกหาว่าเป็น “หมาบ้า” จากคนเพี้ยนๆ ในหมู่บ้านที่สุดแสนห่างไกลความเจริญ ปกครองโดยผู้ใหญ่บ้านหน้าตาเชื่อถือได้อย่าง “ค่อม ชวนชื่น” ก๊วนลูกบ้านสุดป่วน “โต อำพล รัตน์วงศ์” “บอล เชิญยิ้ม” “ชูศรี เชิญยิ้ม” ร่วมด้วยทีมงานนักแสดงที่เคยสร้างความประทับใจจาก “แหยม ยโสธร”
และแขกรับเชิญสุดเด็ด “โหน่ง ชะชะช่า” พรานฝีมือดีที่อาสามาปัดเป่าทุกข์...และสุข -_-!! ของประชาชน ร่วมด้วยนักวิชาการคารมดีคนเดียวของหมู่บ้านแบบ “ปู พันหน้า” การันตีมุกตลกแบบใสซื่อเกลื่อนไปทั่วทุ่งกับ “หม่ำ จ๊กมก” ในฐานะโปรดิวเซอร์ครั้งแรก ด้วยฝีมือการกำกับของศิษย์เอกก้นกุฏิ “บรรจง สินธนมงคลกุล” มุขเกลื่อนไม่แพ้ท่านอาจารย์
กำหนดเข้าฉาย 17 กรกฏาคม 2551
แนวภาพยนตร์ คอเมดี้
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ดำเนินงานสร้าง บาแรมยู
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว ,เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์
กำกับภาพยนตร์ บรรจง สินธนมงคลกุล
เรื่องและบทภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, บรรจง สินธนมงคลกุล, พุทธิพร บุษบารติ
ผู้กำกับภาพ สิทธิพงษ์ กองทอง
ลำดับภาพ สุทธิพร ทับทิม
ออกแบบงานสร้าง วิชา วิรัชดำรงค์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย นิรชรา วรรณาลัย
แต่งหน้า ศิวกร สุขลังการ
ทำผม พนัชกร ศรีม่วง
นำแสดงโดย อนุวัฒน์ ทาระพันธ์, เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ,
ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข ,อำพล รัตน์วงศ์, ชิติสรรค์ ไชเสนา,
อาคม ปรีดากุล, สายสิน วงษ์คำเหลา,
วชิระ พานนท์, ชัชชัย จำเนียรกุล,
สุดารัตน์ บุตรพรหม,สุทธินันท์ ภูสมจิตร,
เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง
เมื่อความรู้เชิงวิชาการ (ที่ถูกต้อง) เข้าไปไม่ถึงความทุรกันดาร
“ความเชื่อ” กับ “การเดา”
ก็ทำให้ขวัญกระเจิง วิ่งกันลูกรังกระจาย
เรื่องย่อ
ณ หมู่บ้านสุดกันดารห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่ง ปกครองโดยผู้ใหญ่เสนาะ (ค่อม ชวนชื่น) หมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีบ้านไหนเลี้ยงหมาเลยสักตัว ยกเว้น ไอ้โชค หมาสีดำหน้าตาฉลาดเฉลียวตัวเดียวในหมู่บ้านที่ถูกชุบเลี้ยงโดยหลวงพ่อและศิษย์วัดที่เลี้ยงดูและรักใคร่เป็นอย่างดีทั้ง ผง (“แจ้ง” อนุวัตน์ ทาระพันธุ์) และ หยอย (ชูศรี เชิญยิ้ม),น้าจุ่น (สายสิน ถิ่นศรีสะเกษ) จนวันหนึ่งพบศพในหมู่บ้านมีร่องรอยเหมือนถูกสัตว์ร้ายกัดตายอย่างสยดสยอง ชาวบ้านต่างสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา จนในที่สุด ราเชนทร์ (ปู พันหน้า) นักวิชาการคนเดียวของหมู่บ้าน ก็ลงความเห็นว่าน่าจะถูก “หมาบ้า” กัดตาย ชาวบ้านเพ่งเล็งว่าไอ้โชคนี่แหละ...คือหมาบ้าที่ทำร้ายคนในหมู่บ้าน ผงและหยอยที่กำลังติดพันบทรักชวนอ๊วกอยู่กับบงกช (“ออแกน” เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) และกระแต (“ตุ๊กกี้” สุดารัตน์ บุตรพรม) ได้รู้เรื่องก็สงสารเห็นใจไอ้โชคเป็นอย่างมาก และไม่คิดเลยว่าไอ้โชคจะเป็นหมาบ้าไปได้
ด้วยความกลัวที่จะถูกหมาบ้าทำร้าย ผู้ใหญ่จึงเรียกทุกคนมาปรึกษาหารือรวมทั้งเรียกพรานป่าฝีมือชั้นครูนามว่า พรานจ้อน (โหน่ง ชะชะช่า) เพื่อหาทางป้องกันตัวเองไม่ให้หมาบ้าเข้ามาใกล้ด้วยวิธีประหลาดสุดบรรยาย แล้วแต่ว่าใครจะสมองใสแจ๋วกว่ากัน ความวุ่นวายในการวางแผนและลงมือของ “คน” ในการกำจัด “หมา” แบบสุดโต่งจึงเกิดขึ้น แต่เรื่องง่ายๆ กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดบังเอิ๊ญ..บังเอิญว่าความฉลาดของไอ้โชคดันไม่ธรรมดา หมาจากศูนย์ฝึกระดับนัมเบอร์วันยังต้องอาย สติปัญญาของน้องโชคเค้าเทียบเท่าปริญญาเอก กลเม็ดเด็ดดวงของคนทั้งหมู่บ้านกับสมองเดียวของหมา ใครล่ะที่มันจะเจ๋งกว่ากัน !!!!
ว้อ...ภาษาอะไรเหรอ??
“ว้อ” ภาษาที่ไม่คุ้นของคนกรุงเทพ แต่ทางอีสานแปลว่า “บ้า” ส่วนใหญ่ใช้คำว่าว้อคู่กับสุนัข เรียกว่า “หมาว้อ” แปลว่า “หมาบ้า” แต่ในกรณีนี้บางทีคำว่า ว้อ ก็ใช้กับคนได้ด้วย ถ้าเพื่อนของคุณมีอาการบางอย่างผิดปรกติไป เพี้ยนขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ยกตัวอย่างการใช้คำว่า ว้อ “หมาว้อโตนี้มันสิกัดเอาเด้อ อย่าเข้าไปใกล้มันเด้อ” แปลว่า “สุนัขบ้าตัวนี้มันจะกัดเอา อย่าเข้าใกล้มันนะ”
ภาพยนตร์ที่มีหมาเป็นตัวเอก แน่นอนว่าเรื่องนี้คงไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องแรก ภาพยนตร์น้องหมาที่สร้างความประทับใจอยู่ในห้วงลึกๆ ก็แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องแรกเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องของความบ้าบิ่นขี้แกล้งของน้องหมาน้อย ตาใส หน้าซื่อ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่จะบอกความไม่ธรรมดาของสุนัขเฝ้าบ้าน สุนัขก็มีจิตใจเหมือนอย่างเราๆ นี่แหละ รู้จักงอน รู้จักหวง รู้จักหลอกล่อ ขี้โกงในบางที หยิ่ง เชิด ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ตาใสกลม จมูกยาว หูตั้ง และหางกระดิก
แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งคิดไปไกล ว่าหมาตัวนี้จะร้ายกาจขนาดไหน เจ้าหูลู่ตัวนี้ไม่มีพิษภัยแค่ขี้น้อยใจเล็กน้อย “ไอ้โชค” หมาว๊าดดดหมาวัด ขี้เหงาขี้งอน โดนคนรอบตัวหาว่าเป็น “หมาว้อ” เพื่อนก็ไม่มีสักตัว เจ้านายยังระแวงสงสัยอีก “เออว่าตูดีนัก บ้ามันให้มันส์สะเด็ดซะเลย” แค่นี้แหละที่ทำให้ โชค มีความว้อแตกต่างไปจากหมาตัวอื่นๆ เรื่องหมูๆ อย่าง นั่ง ชิด หมอบ คลาน ข้ามไปได้เลย ครูฝึกทั้งหลายหงายท้องกลับบ้านแน่ เพราะไอ้โชค หมาเอกของเรื่อง ฝึกยักคิ้ว หลิ่วตา ปีนต้นไม้ แกล้งทำท่าบ้าบวมๆ วิ่งไล่งับชาวบ้านเล่นแก้เบื่อ หลอกผีใครต่อใครเล่นแก้เซ็ง นี่ต่างหากที่ทำให้ไอ้โชคจะไปแทรกอยู่ในดวงใจของใครอีกหลายคน…….
หม่ำการันตรีศิษย์ก้นกุฏิ สานสายพันธุ์เจ้าสี่ขาสุดฮา!!!
ผู้กำกับร้อยล้าน หม่ำ จ๊กมก ถึงกับปิ๊งปั๊งทันที ตั้งแต่เริ่มต้นอ่านบทภาพยนตร์เรื่อง “ว้อ…หมาบ้ามหาสนุก” ในครั้งแรก ผลักดันตัวหนังสือให้กลายเป็นภาพอย่างเร็ววัน แม้ในขณะที่กำลังลงมือปั่นหนังเรื่องบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมภาค 2 อยู่แต่ใจก็จดจ่ออยากให้มีคนมาปั้นฝันหนังหมาสไตล์ฮาออกมาเป็นเรื่องเป็นราวซะที ต้องเป็นคนที่ไม่ทิ้งแถว แนวทางเดียวกัน
“ไอเดียคือเราอยากทำหนังที่มีกลิ่นของหนังอย่างบ้านผีปอบ หรือการ์ตูนทอมแอนด์เจอรี่ แต่เปลี่ยนจากตัวผีเป็นหมาแทน คือหนังเรื่องนี้จะมีหมาเป็นตัวเอก ห้อมล้อมด้วยตัวละครที่มีคาแรกเตอร์บวมๆ เพี้ยนๆ บวกเข้ากับมุกในสไตล์ที่เราถนัด แนวทางของมุกก็เหมือนกันกับแหยมฯ เรื่องนี้นอกจากจะได้ขำกันอย่างแน่นอนแล้ว ยังได้เห็นความน่ารักแบบแสบๆ คันๆ ของเจ้าหมาอีกด้วย”
บรรจง สินธนมงคลกุล คือชื่อแรกและชื่อเดียวที่แว้บขึ้นมา ด้วยความสนิทชิดเชื้อและเห็นแววสมัยที่ บรรจง ยังเป็น “จง” ผู้ช่วยผู้กำกับหมายเลขหนึ่ง ของภาพยนตร์เรื่อง แหยม ยโสธร ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับหนังร้อยล้าน มีหรือจะมองคนผิดไป วันนึงเมื่อได้ฤกษ์ยามงามดี ผู้กำกับหม่ำควงบรรจงไปพบกับ “เสี่ยเจียง” บิ๊กบอสสหมงคลฟิล์ม เสี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย พิจารณาโหวงเฮ้ง สาวประวัติกันยกใหญ่ เสี่ยก็เปิดไฟเขียวโดยไม่คลางแคลงใจ แถมหันไปบอกพี่เลี้ยงหน้าเหลี่ยมของนักมวยหน้าใหม่ แต่เสี่ยยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร พี่เลี้ยงหม่ำรีบการันตีทันควัน “ไม่ฮาให้เตะหม่ำ...ได้เลยคร๊าบบเสี่ย”
“จงเขาจะรู้แนวทางตลกของเรา คือลุยงานมาด้วยกันสมัยทำแหยมฯ มีปัญหาอะไรหน้ากองจะคุยจะช่วยกันคิดตลอด เรียกว่าเป็นมือขวาผู้รู้ใจเลย เขาเป็นคนที่เก่งมีไอเดียมุกใหม่ๆ มาเสนอตลอด ซึ่งพอเราให้โปรเจกต์นี้ไปทำก็ต้องมีการคุยกันอยู่หลายรอบ เพื่อให้มองไปในแนวทางเดียวกัน และตัวเขาก็มีความตั้งใจที่จะทำโปรเจกต์ในฝันของเราเรื่องนี้ให้เป็นภาพออกมาให้ดีที่สุด”
แน่นอนว่าหัวอกของผู้กำกับที่จะมาสร้างโปรเจกต์ในฝันของอาจาร์ยหน้าเหลี่ยมของตนเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้นั้น คงรู้สึกเหมือนแบกภูเขาไฟฟูจิชุบแป้งทอดไว้บนอกเป็นแน่ แต่ด้วยแนวทางความฮาที่มีเหมือนกันแบบถอดแบบกันมาเป๊ะ ถึงขนาดว่าถ้าหม่ำ จ๊กมก เป็น “อาจารย์โอบีวัน” บรรจงก็เป็น “อนาคิน สกายวอล์กเกอร์” เลยทีเดียว
“ผมได้ประสบการณ์จากตอนทำเรื่องแหยมฯ กับพี่หม่ำ ทำให้รู้ว่าตลกแต่ละคนก็จะมีวิธีการทำให้คนตลกไม่เหมือนกัน พี่หม่ำก็ทาง พี่โน๊ตเชิญยิ้มก็เป็นตลกอีกทาง พี่เปิ้ลเสนาพี่หอยก็เป็นตลกอีกทาง แต่เมื่อเรามาทำหนังพี่หม่ำ แน่นอนพี่หม่ำเป็นสุดยอดผู้กำกับหนังตลกที่ทุกคนยอมรับกันดีอยู่แล้ว ผมก็ต้องมาคิดว่าจะทำยังไงให้คนดูพอใจ ให้พี่หม่ำพอใจ ให้ทุกคนรู้ว่านี่แหละแนวทางเดียวกับหม่ำ จ๊กมก ผมก็มานั่งคุยกับพี่หม่ำ ทำความเข้าใจเรื่องมุก เรื่องแก๊ก แต่ผมได้เปรียบตรงที่ผมเคยทำงานร่วมกันกับพี่หม่ำมาก่อน เขาสอนเรามาแล้วหลายอย่าง เราเห็นทางตลกเขามาก็ไม่น้อย ผมก็เลยเดาทางพี่หม่ำได้ว่าตลกแบบไหนถึงจะโอเค”
เป็นที่นั่งยันนอนยันได้ว่า “ว้อ...หมาบ้ามหาสนุก” ยังคงความฮาในแบบฉบับของหนัง “หม่ำ จ๊กมก” อย่างแน่นอน ยิ่งบวกเข้ากับได้ศิษย์รักมือขวามาเป็นผู้กำกับด้วยแล้วความฮาจะไปไหนเสีย เท่านั้นยังไม่พอเหล่านักแสดงตลกยังร่วมกันมีส่วนสร้างสรรค์ความฮาแบบลูกรังกระจายอีกด้วย ซึ่งผู้กำกับพูดถึงกระบวนการความฮาในหนังเรื่องนี้ว่า
“พี่หม่ำกับผมมานั่งคุยกันแล้วก็วางแนวทางกับเรื่องนี้ ผมอยากได้ตรงนี้เพิ่ม พี่หม่ำอยากได้ตรงนั้นเพิ่ม ใครอยากตัดตรงไหนออกก็มาคุยกัน มุกตรงนี้จะเป็นยังไงก็มาช่วยกันคิด พี่หม่ำให้โอกาสเราเต็มที่ ผมมีมุกก็จะเสนอพี่หม่ำ พี่หม่ำจะคอยตบให้มันเข้าที่ จนกระทั่งทุกอย่าง 100% พอเริ่มไปลงมือทำขั้นตอนโปรดักชั่นระหว่างที่เราถ่ายทำยังไงซะเราก็ต้องยึดตามบทที่เราปรับปรุงมาอยู่แล้ว แต่เวลาทำหนังเรามีทั้งทีมงาน ทั้งนักแสดง อะไรๆ หลายอย่างมันก็ลื่นไหลไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งมันดี กลายเป็นว่านอกจากพี่หม่ำแล้ว ผมยังได้นักแสดงตลกอีกหลายคนที่มาช่วยเรื่องมุกตลก อย่างพี่ชูศรี พี่ค่อม จะช่วยเสนอมุกตลอด”
ก็ในเมื่อทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ ทีมนักแสดง (บางส่วน) แท็คทีมขนกันมาจากหนังตลกร้อยล้าน “แหยมยโสธร” ทำให้องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ทั้งมุกฮา ตัวละคร เรื่องราว ก็ยังคงแบบฉบับฮาซะข้าวเหนียวกระเด็นไว้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ผู้กำกับเลยเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าแหยมฯเป็น “พ่อ” ว้อฯก็คงเป็น “น้องพ่อ” ว่ากันอย่างนั้นเลย
“โครงสร้างของแหยมฯกับว้อฯอยู่ในทิศทางเดียวกัน เล่าเรื่องสไตล์เดิมคือมีหมู่บ้านธรรมดาๆ มีตัวละครบ้านๆ มีผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน นักเลง สาวสวยประจำหมู่บ้านอะไรแบบนั้น มีคาแรกเตอร์หลายตัวที่เราเคยเห็นในหนังไทยทั่วไป ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกดี มีเรื่องราวง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ต่อให้เด็กเล็กๆ ดูก็ต้องเข้าใจ ไม่ต้องปีนบันไดดู คำพูดก็บ้านๆ มุกเข้าใจง่ายหัวเราะง่าย สบายๆ เหมือนกันกับแหยมฯ คือเราพยายามรักษาเอกลักษณ์และกลิ่นของหนังตามแบบฉบับพี่หม่ำเอาไว้เหมือนเดิม
หนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูพบกับความสนุก ที่ไม่ใช่แค่ตลกไปกับมุกอย่างเดียว คือก็จะเป็นไปตามเนื้อเรื่องด้วย ไม่ใช่สนุกไปกับคนอย่างเดียว คือเหมือนพาคนดูย้อนไปอารมณ์ แบบบ้านผีปอบผสมทอมแอนด์เจอรี่ หลบหนีไปด้วยมุกต่างๆนาๆเพียงแต่เปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นหมา จุดนี้จะทำให้สนุกขึ้น เนื่องด้วยนักแสดงที่มาร่วมเล่นก็เป็นนักแสดงตลกที่มีฝีมืออยู่แล้ว ใครที่ชอบสไตล์การเล่าเรื่อง และมุกฮาในแบบฉบับแหยมยโสธร รับรองว่าจะสนุกไปกับหนังเรื่องนี้แน่นอน”
หมู่บ้านสุดบวม...โกยไปขำไป
ไหนๆ “ว้อ” ขึ้นชื่อว่าบ้าแล้วโปรดิวเซอร์หน้าเหลี่ยมอย่าง หม่ำ จ๊กมก เรียกรวมพลพี่น้องสุดเพี้ยนยื่นมติกับ ครม. ขอตั้งหมู่บ้านบริหารประชากรเอง จับหัวหอกแห่งวงการตลก ขายขำเป็นอาชีพ ร่วมหัวจมท้ายปลูกกระต๊อบปลายนา จัดหาผู้ใหญ่บ้านมาปกครอง ผลิตตลกกระป๋อง เป็นสินค้าโอท๊อปประจำหมู่บ้านออกจำหน่ายให้คนกรุงเมามันส์กันแบบไม่คิดสตางค์
ลองจินตนาการเล่นๆ ถ้าต้องไปอยู่ในหมู่บ้าน ที่ปกครองโดยผู้ใหญ่บ้านอย่าง “ค่อม ชวนชื่น” มีเพื่อนบ้านด้านซ้ายเป็นอดีตนางเอกสาวจอมเปิ่นจาก “แหยมยโสธร” อย่าง “ออแกน เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ” และ “ตุ๊กกี้”สุดารัตน์ บุตรพรม มีหลวงพ่อ “โอเลี้ยง” ออกบิณฑบาตตอนเช้า ชูศรี เชิญยิ้ม และ แจ้ง อนุวัฒน์ ทาระพันธุ์ ที่โด่งดังมาจากบท ”ยอดชายรับบ่อได้” จากแหยม ยโสธร คอยเดินตามต้อยๆ เป็นเด็กวัด
รั้งท้ายด้วย “ไอ้โชค” หมาดำจอมทะเล้น มีจิ๊กโก๋ประจำหมู่บ้านหน้าตาเหม็นเบื่ออย่าง “โต อำพล รัตน์วงค์” และลูกสมุนหน้าเหมือนปลาดุกกับจิ้งจก 2 คนขนาบข้าง มีพราน(ตัว)ใหญ่ใจกล้าบ้าบิ่นอย่าง “โหน่ง ชะชะช่า” มาอาสาปราบเรื่องร้าย ปิดท้ายด้วยความหวังเดียว ที่พึ่งสุดท้าย ผู้รู้ที่สุดประจำหมู่บ้านอย่าง “ปู พันหน้า” ชีวิตผาสุกเรียบง่าย ชีวิตบ้านป่ากลางดงคงจะหาได้ยากจากที่นี่ ถ้าไม่เต็มไปด้วยเรื่องบ๊องๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบวมๆ เป็นแน่
“นักแสดงจากแหยมมาร่วมผสมโรงอยู่ในหนังเรื่องนี้กันหลายคน อย่างพระเอกนางเอกเรื่องนี้ อย่างน้องออแกน (เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) ก็เคยเล่นเป็นนางเอกเรื่องแหยมมาก่อน อย่างแจ้ง (อนุวัฒน์ ทาระพันธุ์) ก็เคยเล่นเป็นยอดชายมาก่อน มาเรื่องนี้ก็ให้มาจับคู่พระนางกัน ตอนแรกที่คิดทำเรื่องนี้ก็นึกถึงเรื่องแหยม คาแรกเตอร์ของแต่ละคนก็ไม่ต่างอะไรจากแหยม แล้วยังมีนักแสดงอีกหลายท่านที่มาจากเรื่องแหยมที่ยังคงความตลกไว้ได้ทุกคนครับอย่างพี่สิน (สายสิน วงษ์คำเหลา) เค้าก็เป็นคนก้นกุฏิของพี่หม่ำ ตอนเล่นเรื่องแหยมเค้าเกร็งมาก เป็นเจ้าพ่อเทค มาเล่นเรื่องนี้เค้าก็จะตั้งใจมาก มาเที่ยวนี้ขโมยซีนเป็นแล้ว แล้วก็ยังมีสุดยอดตลกอย่างพี่โหน่ง พี่ค่อม พี่ชูศรี ที่มาแท็คทีมความฮาด้วยกันอีก ซึ่งต้องยอมรับว่าแต่ละคนฝีมือแพรวพราวทั้งนั้น สิ่งนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างลงตัวเข้าไปอีก”
“ไอ้โชค” นักแสดงแสนรู้ หูลู่ มีสี่ขา
มาที่นักแสดงนำ “โชค” สุนัขพระเอกตัวเดียวของเรื่อง แท้จริงแล้วมีชื่อจริงว่า “นาร่า” เป็นสุนัขเพศเมียที่กำลังเป็นสาวเต็มตัวอายุ 6 ขวบ นาร่าเป็นสุนัขพันธุ์ผสมระหว่างไทย-ลาบาดอร์ โตมาจากศูนย์ฝึกดี-วัน ได้รับการดูแลใกล้ชิดจากครูฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ จึงไม่มีนิสัยก้าวร้าว รุนแรง ไม่ดุ มีความเป็นมิตรอยู่ในแววตา มีดื้อบ้างนิดหน่อยตามประสา ขี้เล่น ขี้อ้อน เชื่อฟังคำสั่ง เข้ากับคนทั่วไปได้ง่าย ใครจะจับจะต้องก็ยินดีต้อนรับทุกเพศทุกวัย
นาร่าไม่เคยผ่านงานด้านการแสดงที่ไหนมาก่อน แต่นาร่ามีเลือดของนักแสดงมืออาชีพอยู่เต็มตัว เป็นลูกศิษย์อยู่ศูนย์ฝึกผ่านการฝึกอบรมมาแล้วทุกคอร์ส แต่ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของนาร่า ครูฝึกเสริมเทคนิคจิปาถะ ทักษะแบบคนอีกมายมายนอกเหนือจากคอร์สที่สุนัขจะต้องเรียนรู้ตามบทเรียน ทำให้นาร่าเป็นสุนัขช่างรู้ที่พิเศษกว่าตัวอื่นๆ ทั่วไปหลายแบบ แม้กระทั่งบางครั้ง ครูฝึกยังแอบอึ้ง ทึ่ง กับความพยายามของนาร่าด้วยซ้ำ ผู้กำกับ บรรจง ยังพูดถึงความเก่งกาจของนักแสดงสี่ขาตัวนี้ และรู้สึกท้าทายที่ต้องกำกับเจ้านาร่าตัวนี้ว่า
“การถ่ายทำภาพยนตร์ที่ต้องใช้สุนัขเล่น ถือว่าเป็นงานที่หินมาก อยู่วงการภาพยนตร์ จะรู้ว่า สิ่งโหดมีอยู่ไม่กี่อย่าง ได้แก่ “สัตว์ เด็ก เอฟเฟค สลิง” จะบอกว่าเรื่องนี้ง่ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ส่วนที่ยากก็มีอยู่ไม่น้อย ตอนแรกที่ผมมอง ผมคิดว่าเรื่องการกำกับสุนัข กำกับนาร่าคงจะเป็นอะไรที่ยาก เราก็เตรียมใจตรงจุดนี้ไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาถ่ายทำจริงๆ นาร่าเค้าเป็นนักแสดงมืออาชีพมากๆ เราอยากให้ทำอะไร ครูฝึกเค้าขอเวลาซ้อมแป๊ปเดียว กลับมาอีกทีเค้าก็ทำได้แล้ว เลยกลายเป็นว่านาร่าไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเลยว่ามันกลายเป็นอุปสรรคอย่างที่คิดเอาไว้
แล้วเรารู้สึกประทับใจหลายอย่าง บางทีแดดร้อนมากแต่เขาก็ยังสู้ อะไรที่เราไม่คิดว่าจะทำได้แต่เขากลับทำได้ อย่างตอนเช็คภาพที่มอนิเตอร์ปรกติเราจะเห็นนักแสดงมานั่งดูด้วย ที่รู้สึกประทับใจคือนาร่าก็มานั่งดูด้วยเหมือนกัน มันหอบลิ้นห้อยยาวเป็นวาเลย ทุกคนก็แซวหมากัน เหมือนว่าเขาก็เป็นทีมงานที่น่ารักคนหนึ่ง นักแสดงในเรื่องจะชอบแซวกันเองเวลาอยู่ในกองถ่ายว่า ต้องตั้งใจเล่นกันหน่อยนะ อย่าให้แพ้นาร่า รู้สึกว่าตัวเองรู้ได้อะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นเวลาทำงานกับเขา เป็นการทำงานที่สนุกดีครับ”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ