“Green Please” ระเบิดพลังไอเดียสร้างสรรค์อิสระของเยาวชน เพื่อช่วย “ลดโลกร้อน” ใน One-2-CallI iD Showcase ครั้งที่ 4

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday June 11, 2008 14:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
ทุกครั้งเมื่อถึงวันศุกร์สิ้นเดือน วัยทำงานทั้งหลายอาจคิดว่า คือวันปลดปล่อยความเครียดจนต้องนับวันรอคอยให้เวียนมาถึงเร็วๆ แต่สำหรับชาววัยทีน วันศุกร์สิ้นเดือน ก็มีความหมายกับพวกเขาไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันทีเดียว ด้วยเพราะเป็นวันที่พวกเขาจะได้ปลดปล่อยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่วัน ทู คอล! เขาเปิดเวที One — 2 — Call! iD Showcase ครั้งที่ 4 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Green Please — เข้าป่ากันเถอะเรา กับแนวคิด แก้ไขเรื่อง ภาวะโลกร้อน” หรือที่เรารู้จักกันดีกว่า “Global Warming” เป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และหยิบมาเป็นประเด็นที่หลายประเทศให้ความสำคัญ และกำหนดเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องมาจากปัญหานี้กำลังลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ จนคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ พรรณไม้ จนกระทั่งชีวิตสัตว์นานาพันธุ์ และนั่น...จึงเป็นที่มาของการแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อบั่นทอนความรุนแรงของมหันตภัยนี้
มาตรการที่ดีที่สุดในการช่วยกันหยุด “โลกร้อน” สิ่งแรกคงต้องเริ่มต้นจากตัวเรา โดยเฉพาะไอเดียภูมิปัญญาของมนุษย์นั่นเอง ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ล่าสุดนี้เหล่าเยาวชนวัยรุ่นนิสิตนักศึกษาก็ได้ร่วมกันเค้นเอาไอเดียเก๋ๆ ถ่ายทอดออกมาเป็นงานดีไซน์ในแบบฉบับของตนเองกับงาน ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิด ในการระดมสมองแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าวัยทีน คนละไม้ละมือ เพื่อช่วยรณรงค์แก้ไขปัญหาโลกร้อน
หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจ คือ การนำแฟชั่นโชว์มาเป็นตัวถ่ายทอดไอเดียในการนำวัสดุที่ใช้แล้วให้เป็นประโยชน์ และไม่ถูกทิ้งขว้างโดยเปล่าประโยชน์ มารังสรรค์เป็นชุดเริ่ดๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความประณีต ทำให้เราได้เห็นว่า เหล่าวัยรุ่นนิสิตนักศึกษานั้น เปี่ยมไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ที่แสนจะตื่นตาตื่นใจ และช่างคิดประดิดประดอย จากแรงบันดาลใจที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกันลดโลกร้อนด้วยมือของพวกเขา
เริ่มต้นที่ “Nature live” ผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ของมนุษย์กับการผันแปรของฤดูกาล ฝีมือการออกแบบของ วิชัย สวัสดิ์จีน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชานาฏยศิลป์ (นาฏศิลป์ไทย) คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่เคยฝากผลงานการออกแบบเครื่องแต่งกายให้คณะละคร “โกมลกูณฑ์” และเครื่องแต่งกายนักแสดงขององค์กร อินลา ประเทศอินโดนีเซีย ได้บอกเล่าถึงที่มาที่ไปของเสื้อผ้าคอเล็กชั่นนี้ว่า “เซ็ตนี้เป็นการออกแบบที่มีพื้นฐานแนวคิดจากสภาวะโลกร้อนมาผสานกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้ง 3 ของไทย ทั้งฤดูร้อน ฝน และหนาว แล้วเราก็เพิ่ม gimmick เพิ่ม detail ลงไปว่า ทำอย่างไรให้สามารถตอบโจทย์และสะท้อนความคิดความเป็น “Green” ออกมาให้ได้มากที่สุด และสามารถถ่ายทอดเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ให้ออกมาและเป็นตัวเราได้มากที่สุด โดยผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นจะเป็นเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ทั้งผ้าสานจากหญ้าแห้ง เสื่อกก เชือกปอ เชือกกล้วย ใบไม้ ดอกไม้ และลูกไม้แห้ง เราก็มานั่งนึกเพิ่มเติมว่า อะไรจะสามารถนำมาผนวกเข้ากับชุดและทำให้ดูดีขึ้นมาได้ โดยที่สิ่งนั้นต้องเก๋ และแปลก เราก็คิดไปคิดมาก็มาเห็น “บัตรเติมเงิน” ที่ขูดเสร็จแล้ววางทิ้งอยู่ ก็เลยนำลองนำมาปรับใช้เป็นเครื่องประดับ”
วิชัย ยังได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมให้ฟังอีกว่า “บัตรเติมเงินที่นำมาใช้จะเป็นบัตรเติมเงินแบบกระดาษ เพราะเราสามารถเอามาตัดโน้น แต่งนี่ ประยุกต์ให้เข้ากับ Theme ของทั้ง 3 ชุด โดยตัดแต่งเป็นรูปผีเสื้อ และนำมาตกแต่งให้เข้ากับแต่ละชุด ถ้าเป็นชุดฤดูร้อน ก็จะสื่อให้เห็นถึงความแห้งแล้งของพืชพันธุ์ โทนสีของเสื้อผ้าและเครื่องประดับก็จะเน้นความเรียบ และเสน่ห์ของสีน้ำตาล ใช้ลูกเล่นการจัดเรียงของเส้นตรง แซมด้วยผีเสื้อเล็กๆ ให้ดูแล้วชุดนั้นเป็นฤดูร้อนที่มีชีวิตชีวามากขึ้น ส่วนชุดฤดูฝน จะเน้นลูกเล่นกระโปรงที่ทำมาจากสุ่มไก่ และความสดใสของใบไม้สดสีเขียวหลากหลายรูปแบบ ชุดนี้จะเน้นความโค้งและความพลิ้วไหวของใบไม้สด สลับโทนสีเขียว — น้ำตาล ที่ให้ความรู้สึกได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และความเชียวชะอุ่มของใบไม้ในฤดูฝน และชุดที่สะท้อนถึงการมาเยือนของฤดูหนาว จะเน้นโทนสีฟ้า — เขียว ที่ดูแล้วสบายตา ผสานกับความบานสะพรั่งของดอกไม้นานาพันธุ์ในฤดูหนาว ตกแต่งและเพิ่มลูกเล่นให้กับชุดด้วยการใช้ตะกร้อสาน สลับกับการตกแต่งด้วยผีเสื้อที่ทำมาจากบัตรเติมเงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มมิติและเพิ่มสีสันให้กับชุดมากยิ่งขึ้น”
ทางด้าน พิทักษ์ เกตุแก้ว นักศึกษาหนุ่มไฟแรงจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาเอกนาฏศิลป์สากล ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เจ้าของรางวัลเชิดชูเกียรตินักกิจกรรมดีเด่น ประจำปีการศึกษา 2550 ของมหาวิทยาลัย, รางวัล The Best Creativity Award และรางวัล The Best Choreography Award ในงาน The4th International Youths dance Festival — Celebrating the Joy of nature 2007 ณ กรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย อีกหนึ่งหนุ่มที่มีใจรักในการถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตผ่านการออกแบบเสื้อผ้าได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงาน “North Culture” ว่า “ผมมองเห็นถึงความสำคัญของโลกร้อนและความเรียบง่ายของวัฒนธรรมภาคเหนือ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับภูมิประเทศและภูมิอากาศ ที่เน้นความโปร่งสบายของผ้าฝ้าย และเครื่องประดับที่ทำมาจากเครื่องเงิน แล้วผมก็นำมาผสานรวมกัน แล้วเพิ่มจุดเด่นให้กับการออกแบบโดยเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลและหาง่ายมาสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดความสมดุล โดยการนำเอากระดาษที่เหลือใช้มาสานให้เกิดลวดลาย และนำเอาช้อน ส้อม ฝาเบียร์ที่ทำมาจากโลหะนำมาดัดแปลงเป็นเครื่องประดับให้เกิดความคล้ายคลึงกับเครื่องประดับเงิน อีกทั้งยังนำเอากระดาษนิตยสารที่มีลวดลายมาใช้แทนเม็ดลูกปัดพลาสติก โดยดัดแปลงให้เกิดความโค้งและนำมาเรียงร้อยเป็นสร้อย”
ซึ่งผลงานการออกแบบทั้ง 3 ชุด จะมีลูกเล่นและการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป “ชุดผู้หญิง 2 ชุด กระโปรงตัวหนึ่งจะทำมาจากกระดาษนิตยสารสานเป็นลวดลายแล้วขึงด้วยโครงลวดแข็ง และกระโปรงอีกตัวทำมาจากการพับและจับจีบกระดาษหนังสือพิมพ์ นอกจากนี้ผมยังได้ตกแต่งเสื้อผ้าฝ้ายด้วยฝาเบียร์ทุบและดัดเป็นรูปร่างต่างๆ ส่วนเครื่องประดับทั้งสร้อยคอ ต่างหู และเครื่องประดับบนศีรษะของผู้แสดงแบบก็ทำจากบัตรเติมเงินทั้งบัตรพลาสติกและบัตรกระดาษ ส่วนชุดผู้ชายจะมีความแปลกจากชุดผู้หญิงตรงที่ตัวเสื้อจะเน้นเทคนิคการตัด ติด ต่อ ปะ เย็บ และเทคนิคการใช้คู่สี ที่จะช่วยทำให้ตัวเสื้อมีความเด่นขึ้น โดยใช้ลูกเล่นการเย็บหลอดกาแฟติดกับเสื้อฝ้าย ส่วนอีกด้านหนึ่งจะใช้เทคนิคเย็บปะติด โดยนำเอาบัตรเติมเงินพลาสติกมาเย็บสลับยึดติดกับกระดาษ โดยคุมโทนสีเสื้อผ้าให้อยู่ในเฉดสีเขียว-น้ำตาล ซึ่งสื่อถึงความรู้สึกถึงความเรียบง่ายและเข้าถึงธรรมชาติ” พิทักษ์กล่าวเสริม.
ส่วนผลงาน “Pollution” ที่ออกแบบโดย จาตุรณ แร่เพชร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาเอกออกแบบเพื่อการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ก็เป็นอีกชิ้นงานที่น่าทึ่งไม่น้อยทีเดียว ที่ได้หยิบเอาความรู้สึกของมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ พูดถึงผลงานว่า “ผลงานครั้งนี้จะแตกต่างไปจากผลงานที่ผ่านๆมา อย่างที่เคยทำเป็นคอสตูมให้กับละครเวทีฟ้าจรดทราย, บัลลังก์เมฆ หรือเสื้อผ้าในการแสดงคอนเสิร์ต The Star 4, AF six in the City หรือการแสดงอื่นๆ จะเน้นเสื้อผ้าที่สวยงามและร่วมสมัย ดูแล้วสบายตา แต่ครั้งนี้การออกแบบจะเน้นที่คนมองแล้วรู้สึกได้ถึงมหันตภัยโลกร้อนที่กำลังคุกคามเรา ก็เลยเลือกถุงพลาสติกสีดำ มาเป็นวัสดุหลักที่ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวและสื่อถึงความรู้สึกร้อนและอึดอัด ซึ่งสามารถบอกเล่าภาพสะท้อนของผลกระทบจากปรากฏการณ์ Green House Effect ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นวงจรได้เป็นอย่างดี โดยทั้ง 3 ชุดนั้นมีแรงบันดาลใจย่อยๆ ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังคงอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์มลภาวะ”
จาตุรณได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมของการออกแบบเซ็ตนี้ว่า “ทั้ง 3 ชุดจะเป็นซีรี่ส์ โดยเริ่มต้นที่ชุดแรกที่หยิบเอาความแออัดวุ่นวายของชุมชนเมือง การผุดขึ้นของตึกสูงที่ไร้ระเบียบมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยใช้เทคนิคการตัดหนังสือพิมพ์และนำมาเรียงเป็นบล็อก เป็นภาพตัวตึกและอาคาร เน้นสีดำและพื้นผิวของถุงพลาสติกที่มีความแข็ง ความกระด้าง เพื่อให้รู้สึกถึงความวุ่นวายและอึดอัด ส่วนชุดที่ 2 จะเป็นชุดกระโปรงที่มีความพิเศษตรงที่ชายกระโปรงใช้เทคนิคการตีเกล็ดถุงพลาสติกที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน มาผสานกับการใช้แก้วพลาสติกตัดต่อเป็นทรงกลมครอบศีรษะ เพื่อให้ความรู้สึกถึงปรากฏการณ์เรือนกระจกและมลภาวะที่ทวีความรุนแรงปกคลุมตัวเราและชั้นบรรยากาศมากยิ่งขึ้น ชุดที่ 3 จะเป็นบทสรุปของภาวะโลกร้อนและมลภาวะหากเรายังไม่ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหา สิ่งเหล่านี้จะเข้ามากลืนกินและดึงจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ออกไป และสุดท้ายเราก็จะเป็นทาสของมลภาวะ สำหรับการออกแบบชุดที่ 3 นี้ ก็จะมีความพิเศษตรงที่การรวมเอาเทคนิคการตัดเย็บของวัสดุที่มีความแตกต่างกันมาต่อเป็นเนื้อเดียวกัน โดยเสื้อคลุมจะใช้บัตรเติมเงินกระดาษและหลอดกาแฟมาเย็บต่อตัวชุดที่เป็นถุงพลาสติกและผ้าสีดำ โดยเย็บด้วยมือทั้งชุด ส่วนฮูดก็เป็นฮูดที่มีซิปเปิดปิดได้ ซึ่งค่อนข้างยากและใช้เวลานานทีเดียว”
ด้วยไอเดียสุดเก๋จากการออกแบบของน้องๆ เจเนอเรชั่นใหม่ไฟแรงทั้ง 3 คน กับ 3 ผลงานที่สามารถสะท้อนแนวคิดอิสระที่มีต่อภาวะโลกร้อนในแบบฉบับของตัวเองได้เป็นอยู่
ส่วนอีกไอเดียหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ผลงาน “กระเป๋าฟิล์ม X-ray” ผลงานลดโลกร้อนของนายกิตติ เติมมธุรพจน์ หรือน้องบิ๊ก และ Fadil Foondun นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 5 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ซึ่งนำผลงานจากแรงบันดาลใจที่ว่าขยะสามารถนำมาเพิ่มมูลค่าได้ โดยเราทำหน้าที่เป็นกลาง ในการสร้างสรรค์ความคิดให้กับโรงงงาน เพื่อให้โรงงานสามารถเอาแนวคิดนี้ไปประยุกต์และผลิตสินค้าจากขยะ และสามารถนำมาใช้งานได้จริง ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดปริมาณขยะแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้านั้นๆ อีกด้วย โดยการออกแบบนั้น จะต้องเป็นอะไรที่ “ง่าย” และ “สามารถใช้งานได้จริง” ดังนั้น จึงนำวัสดุ “แผ่นฟิล์ม X-ray” โดยได้วัตถุดิบจากโรงพยาบาล ซึ่งฟิล์ม x-ray จะมีหลากหลายรูปแบบ ตามลักษณะและอวัยวะที่คนไข้ทำการ x-ray จากการสำรวจเรื่องการใช้แผ่น x-ray ต่อปี พบว่า มีการใช้แผ่นฟิล์มกว่า 1 ล้านแผ่น/ปี เฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งแผ่นฟิล์มจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี ซึ่งหลังจาก 5 ปีแล้ว แผ่นฟิล์ม x-ray จะถูกทำลายในกรณีที่ผู้ป่วย/ญาติผู้ป่วย ไม่ได้ติดต่อรับคืน มาทดลองทำเป็นกระเป๋าสุภาพสตรี ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากนิสิตคณะคหกรรมศาสตร์ เป็นผู้ตัดเย็บแผ่นฟิล์ม โดยได้มีการทดสอบลายตะเข็บการเย็บ ซึ่งสามารถเย็บได้มากกว่า 6 ลาย ซึ่งสามาถเพิ่มความสวยงามและลูกเล่นให้กับแผ่นฟิล์ม
ในส่วนการออกแบบ จะเน้นรูปแบบและชนิดของแผ่นฟิล์ม เพื่อทำเป็น Texture ซึ่งในบางครั้งการออกแบบก็สามารถสร้าง texture ได้เพิ่มมากขึ้น จากรอยยับของแผ่นฟิล์ม ในเบื้องต้นได้ออกแบบเป็นกระเป๋าใส่เอกสาร ต่อมา ออกแบบเป็นกระเป๋าสะพายหลังและเสื้อ โดยใช้แผ่นฟิล์มส่วนปอดและกระดูกสันหลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผ่าชันสูตร” เพิ่มลูกเล่นด้วยการจัดวางซิป ลวดลายการเย็บ ส่วนกระเป๋าสะพายข้าง จะใช้แผ่นฟิล์ม x-ray ด้านข้าง เน้นลูกเล่นการจัดวางซิป และช่องสำหรับใส่ของที่เพิ่มมากขึ้น ต่อมาได้ออกแบบเป็นกะเป๋าสะพายของผู้หญิง โดยเน้นการใช้ Generic Shape โดยตัดเย็บเป็นรูปหัวใจ เพิ่มลูกเล่นด้วย Pocket 2 ฝั่ง
“ผมคาดหวังว่าจะสามารถต่อยอดการออกแบบให้มีความหลากหลายมากขึ้น และสามารถผลิตออกเป็นสินค้าแฟชั่นที่ได้รับความนิยมจากตลาด เนื่องมาจากความแปลก ใหม่ และมีคอนเซ็ปต์อยู่ในทุกชิ้นงาน นอกจากนี้อาจจะมีการพัฒนาไปในการออกแบบอื่นๆ ที่สามารถสร้างมูลค่าและเพิ่มความน่าสนใจให้ได้มากยิ่งขึ้น” นายกิตติกล่าว
ขณะเดียวกัน กิจกรรมอื่นๆ ภายในงานเดียวกันนี้ ก็ยังอบอวลไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการปกป้องโลกของเรา ด้วยการที่ผู้บริหารของ วัน ทู คอล ได้ร่วมกันเดินแจกต้นไม้ต้นเล็กๆ ให้กับบรรดาร้านค้าต่างๆ บริเวณสยามสแควร์ ซอย 3 เพื่อช่วยกันปลุกจิตสำนึกของทุกคนให้ตื่นตัวในเรื่องนี้ พร้อมทั้งยังมีบรรดาของเก๋ๆ อีกมากมายที่บรรดานัดศึกษานำมาขาย เช่น ถุงผ้า สมุดโน้ตที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล โปสการ์ดน่ารัก น่ารัก พวงกุญแจ เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้พบกับนิทรรศการเรื่อง นโยบายในการดำเนินงานของ เอไอเอส เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนอีกด้วย นั่นคือ แนวคิดเรื่อง “Green Network หรือ เครือข่ายสีเขียวในการพัฒนาโครงข่าย ของเอไอเอส ให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบด้วย ซึ่ง Green Network นั้น เป็นการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) พลังงานจากแรงลม พลังงานจากน้ำมันไบโอดีเซล และชุมสายประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะส่วนของชุมสายประหยัดพลังงาน เป็นแนวคิดที่จะใช้สำหรับการขยายชุมสายใหม่ๆ ต่อไป เนื่องจาก ช่วยประหยัดพลังงานได้ 20 - 30% ต่อชุมสาย ซึ่งแนวคิดนี้ เทียบได้กับตู้เย็น ซึ่งต้องมีฉนวนหุ้มไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ความเย็นไหลออก และชุมสายเป็นอุปกรณ์ที่มีสายต่อเต็มไปหมด และยิ่งใหญ่มากเท่าใด ก็ยิ่งกินไฟมากเท่านั้น ก่อให้เกิดความร้อน จึงจำเป็นต้องสร้างกำแพง พื้นและเพดานให้เป็นฉนวนเพื่อเก็บความเย็นไว้ได้ โดยทางเอไอเอส ยังได้นำระบบ Green Network จำลองมาแสดงให้ผู้ที่สนใจชม ในบริเวณ iD Showcase ด้วย
แถมในงานเดียวกัน ต้น เดอะสตาร์ 4 ชยธร เศรษฐจินดา ก็แวะมาร่วมกันรณรงค์ช่วยลดโลกร้อนด้วยการสนับสนุนช่วยขายโปสการ์ดน่ารักๆ ของนักศึกษา พร้อมทั้งเล่นคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านเวที เดอะสตาร์ มาแล้ว ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนคลับ สนั่นสยามสแควร์ ซอย 3 เลยทีเดียว ปิดท้ายงานด้วยคอนเสิร์ตสุดมันส์กับวงดนตรี One-2-call U Band 2 วง คือ Over Me และ Groceries
นี่ละ งาน One-2-Call! iD Showcase งานดีๆ มีสาระ ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทางความคิด การสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ของคนรุ่นใหม่อย่างอิสระ ที่ไอเดียไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกรอบความคิดเดิมๆ อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ “พลังของนิสิตนักศึกษา วัยทีน” รุ่นใหม่ๆ ต้องมาช่วยกันระเบิดความคิด เค้นไอเดียสร้างสรรค์ เพื่อช่วยกันลดโลกร้อนต่อไป... อย่างไม่หยุดยั้ง
แล้วพบกันใหม่อีกครั้ง ที่สยามสแควร์ ซอย 3 ที่เดิม ในวันศุกร์สิ้นเดือน มิถุนายน 2551 ตั้งแต่บ่าย 2 โมง เป็นต้นไป
สำหรับผู้ที่สนใจอยากนำผลงานมาร่วมโชว์และเข้าร่วมกิจกรรม One-2-Call! iD Showcase ในเดือนต่อไป สามารถเข้าร่วมโครงการ ง่ายๆ โดยติดตามรายละเอียดข้อมูลได้ที่ www.one-2-call.ais.co.th หรือ AIS Call Center 1175
ข้อมูลเพิ่มเติม
One — 2 — Call! iD Showcase จัดขึ้นเพื่อต้องการสนับสนุนพลังความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ และและสนับสนุนให้ให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ตลอดจนส่งเสริมให้เหล่านิสิต นักศึกษาได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ฝึกฝนการทำงานร่วมกันเป็นทีม ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย โดยมีแนวคิดให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านผลงานรูปแบบต่างๆ ที่สะท้อนความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตนเองออกมาอย่างไม่มีขีดจำกัด ด้วยการจัดหาสถานที่ที่เป็นเวทีอิสระสำหรับให้เยาวชน นิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ สามารถมานำเสนอผลงานการออกแบบต่างๆ ที่น่าสนใจให้เป็นที่รู้จักกับคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
โดยได้ปิดถนนเต็มพื้นที่บริเวณสยามสแควร์ ซอย 3 เพื่อเปิดเป็นลานกิจกรรม One — 2 — Call! iD Showcase ทุกวันศุกร์สิ้นเดือนตลอดทั้งปี 2551 ภายใต้แนวคิด ช้อป.. ชม.. โชว์ อิสระของงานดี ๆ มีไอเดีย ซึ่งจะมี Theme ที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของแนวความคิดในมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ๆ คนที่มาในงานสามารถที่จะช้อป ชม และโชว์อิสระงานดีๆ มีไอเดียที่จะหาได้ที่นี่เท่านั้น ผ่านกิจกรรมหลัก คือ ช้อป ( iD Fair) เป็นการที่เปิดพื้นที่ลานกิจกรรมขนาดใหญ่ ให้บรรดาเยาวชนคนรุ่นใหม่ตลอดจนเหล่าดารา คนดัง สามารถมาเปิดร้านค้าระเบิดความคิดสร้างสรรค์ของตนถ่ายทอดออกมาเป็นของดีมีดีไซน์ ที่บรรจงทำขึ้นมาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ พร้อมสามารถจำหน่ายสินค้าในราคาที่หาซื้อได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น กว่า 60 ร้านค้า อาทิ เครื่องประดับ กระเป๋าหนัง ชม ( iD Showcase ) การนำเสนอผลงานที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานของเหล่านิสิต นักศึกษา เช่น ผลงานการทำวิทยานิพนธ์ หรือผลงานของเหล่าคนดัง และโชว์ การแสดงของนิสิต นักศึกษา เหล่าดาราและนักแสดงบนเวที
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์, เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณวงจันทร์ ตั้งทรงศักดิ์ (จันทร์) โทร.02-204-8221 มือถือ 089-127-2089

แท็ก โลกร้อน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ