ซีพีเอฟกำไร 4,005 ล้านงวด 6 เดือน เพิ่ม 1,222%

ข่าวทั่วไป Thursday August 11, 2005 10:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” แสดงศักยภาพความแข็งแกร่งในธุรกิจด้วยยอดขาย 52,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 2547 ที่มียอดขาย 42,188 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนจำนวน 4,005 ล้านบาท เพิ่ม 1,222% จากระยะเวลาเดียวกันปี 2547 ที่มีกำไรเพียง 303 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 เทียบกับปีก่อน มีกำไร 2,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 203% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไร 901 ล้านบาท และทำยอดขาย 29,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 23,057 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 48 ให้ผู้ถือหุ้นทันที 0.18 ต่อหุ้น ทำให้ปีนี้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 0.30 บาทต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม — มิถุนายน 2548) และ ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา (เมษายน — มิถุนายน 2548) ดังกล่าวข้างต้น เป็นไปตามคาดหมาย และเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจากผลกำไรในช่วง 6 เดือนที่ปรากฏ ถือเป็นยอดกำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายตัวของยอดขายในทุกธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยศักยภาพในการพัฒนาสินค้าคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะในส่วนของการส่งออกกุ้งและไก่ ที่มียอดขายเติบโต 189% และ 28% ตามลำดับ
นายอดิเรกกล่าวว่า “จากการเติบโตของปริมาณขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง การขยายธุรกิจสินค้าเนื้อสัตว์เพิ่มมูลค่าและสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น และความสามารถในการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น ประกอบกับกำไรจากการที่บริษัทได้จำหน่ายเงินลงทุนจำนวน 812 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 2,733 ล้านบาทสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 48 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปีนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฎในสมุดทะเบียนฯ ณ วันที่ 25 สิงหาคม 48 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท โดยจะทำการจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 กันยายน 48
“การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ เราต้องนำจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิแปลงสภาพในเดือนกรกฎาคมมารวมในการคำนวณจำนวนการจ่ายปันผล และด้วยนโยบายของบริษัทที่เราจะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน”
นายอดิเรก ยังกล่าวอีกว่า ผลจากการที่บริษัทมีการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ให้ทันกับอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และด้วยรากฐานทางธุรกิจของซีพีเอฟมีความแข็งแกร่ง ประกอบกับความสามารถในการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและขยายธุรกิจในทุกๆ ด้าน ทำให้เมื่ออุตสาหกรรมผ่านพ้นวิกฤตเริ่มฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำให้ซีพีเอฟพร้อมที่จะรุกไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และด้วยภาวะอุตสาหกรรมปัจจุบันนี้ เรายังมองว่าธุรกิจของเรายังคงมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และยังคงสามารถสร้างกำไรเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี และคาดว่าผลการดำเนินงานถึงสิ้นปี 2548 บริษัทฯ จะรักษาระดับการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10-15%
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 48 ซีพีเอฟมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 82,587 ล้านบาท ด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 38,211 ล้านบาท
สำนักสารนิเทศ
โทร. 0-2625-7344-5--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ