กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) ติดตามเรื่องการเบิกค่าเล่าเรียนบุตร เมื่อกำหนดรายการให้เบิกได้แล้วก็ให้เบิกย้อนหลังได้ด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางรีบไปดำเนินการเรื่องการเบิกค่าเล่าเรียนบุตร ดูว่าค่าใช้จ่ายที่สถานศึกษาเรียกเก็บจากนักเรียนและผู้ปกครอง จะให้นำมาเบิกได้หรือไม่ เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และเมื่อกำหนดให้เบิกได้แล้วก็ควรให้เบิกย้อนหลังด้วย
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดการจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ประเภทและอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด และกรณีที่สถานศึกษาเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็สามารถดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ. 2542 โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการก่อน
นายมนัส แจ่มเวหา กล่าวต่อท้าย ว่า จากมติคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการไปกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานกลางทั่วไปว่ามีรายการใดบ้างอยู่ในการจัดการศึกษาตามหลักสูตร และรายการใดเป็นบริการเสริมพิเศษที่นอกเหนือหลักสูตรโดยนักเรียนและผู้ปกครองสมัครใจและยอมจ่ายค่าใช้จ่าย ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้นำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณากำหนดแนวทางในการเบิกจ่ายว่ารายการใดจะให้นำมาเบิกเงินสวัสดิการได้ โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง สำหรับระยะเวลาที่ให้มีผลบังคับใช้นั้น ผู้มีสิทธิสามารถนำหลักฐานการรับเงินของสถานศึกษายื่นขอเบิกได้ภายในระยะเวลาหนึ่งปี นับตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนของแต่ละภาคเรียน กรณีที่สถานศึกษาเรียกเก็บเป็นรายภาค หรือนับตั้งแต่วันเปิดเรียนภาคต้นของปีการศึกษาสำหรับสถานศึกษาที่เรียกเก็บครั้งเดียวตลอดปี