ทรูประกาศผลประกอบการ ประจำไตรมาส 3 ปี 2548

ข่าวทั่วไป Monday November 14, 2005 08:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ทรู คอร์ปอเรชั่น
- EBITDA ปรับตัวดีขึ้นจากทีเอ ออเร้นจ์ จำนวนผู้ใช้บริการของทีเอ ออเร้นจ์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 และ ARPU คาดว่าจะดีขึ้นนับจากไตรมาส 1 ปี 2549 เป็นต้นไป
- รายได้จากบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในระยะเวลา 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นราว 50,000 รายในไตรมาส 3
- การซื้อหุ้น ยูบีซี นับเป็นการสานต่อวิสัยทัศน์ Convergence Player และ ผู้นำ ไลฟ์สไตล์ รวมทั้งบริการเสียง ข้อมูล และภาพ (Triple Player)
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 11 พ.ย.2548) ได้ประกาศผลประกอบการ ไตรมาสที่ 3 โดย EBITDA เพิ่มขึ้น ในขณะที่ รายได้ลดลงน้อยกว่าในไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้เนื่องจาก ทีเอ ออเร้นจ์ มี จำนวนผู้ใช้บริการและรายได้ต่อเลขหมาย ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นภายหลังจากเดือนกรกฎาคม เป็นต้นมา
รายได้จากการให้บริการโดยรวมของทรู ลดลงในอัตราร้อยละ 2.9 จากไตรมาสที่แล้ว เป็น 10.0 พันล้านบาทในไตรมาส 3 (ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งมีรายได้ลดลงในอัตราร้อยละ 5.9) โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยตัดจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.9 เป็น 3.9 พันล้านบาท (ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่ง EBITDA ลดลงในอัตรา ร้อยละ 14.2) ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและโปรแกรมส่งเสริมการขายของ ทีเอ ออเร้นจ์ ลดลง และ EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2547
บริษัทคาดว่าทีเอ ออเร้นจ์ จะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4 นี้ และจะมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2549 หลังจากที่โปรโมชั่นราคาต่ำสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคมนี้ เรายังคงคาดว่าทีเอ ออเร้นจ์ จะสามารถบรรลุเป้าหมายจำนวนผู้ใช้บริการ 4.2 ล้านรายได้ภายในสิ้นปี 2548 และคาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์จะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาส 1 ปี 2549 หากราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ทรู รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาสนี้จำนวน 732 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากขาดทุนสุทธิจำนวน 964 ล้านบาทในไตรมาส 2 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
รายได้จากการให้บริการของ ทีเอ ออเร้นจ์ ลดลงในอัตราร้อยละ 8.1 จากไตรมาสที่แล้ว เป็น 4.4 พันล้านบาท (ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งรายได้จากการให้บริการลดลงในอัตราร้อยละ 10.9) และเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 24.6 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2547 โดย EBITDA จากทีเอ ออเร้นจ์ เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9.0 เป็น 1.2 พันล้านบาท และ อัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่ายโดยรวม (EBITDA margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 27 (จากร้อยละ 21 ในไตรมาส 2) ทั้งนี้ทีเอ ออเร้นจ์ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิ จำนวน 36,789 รายในไตรมาส 3 นี้ ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 4.1 ล้านราย
ผู้ใช้บริการตอบรับบริการ Non Voice ของ ทีเอ ออเร้นจ์ อย่างดียิ่ง โดยในระยะเวลา 8 เดือนแรกนับจากการเปิดให้บริการ ‘Color Ring’ ซึ่งเป็นบริการเสียงรอสาย มีผู้สมัครใช้บริการนี้มากกว่า ร้อยละ 20 ของลูกค้าทั้งหมด ทำให้รายได้จากบริการเหล่านี้ เพิ่มขึ้น และมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 6.7 ของรายได้รวมของทีเอ ออเร้นจ์ จากร้อยละ 5 ในไตรมาส 2
ธุรกิจบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.8 เป็น 499 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 237) คิดเป็นรายได้ทั้งสิ้น 1.4 พันล้านบาท โดยรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการมีระดับคงที่ เทียบกับไตรมาสที่แล้วที่ 739 บาท และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิ 49,731 รายในไตรมาสนี้ เปรียบเทียบกับ 36,394 รายในไตรมาส 2 ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 294,713 ราย และมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 85
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับบริการที่มีการเติบโตสูง ซึ่งประกอบด้วย ทีเอ ออเร้นจ์ บริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไป บริการสื่อสารข้อมูล และบริการอินเทอร์เน็ต พร้อมกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน
“การขยายโครงข่ายการให้บริการของทีเอ ออเร้นจ์ จะทำให้สามารถขยายฐานผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดได้มากยิ่งขึ้น โดย ทีเอ ออเร้นจ์ จะยังคงสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอบริการที่ดีและคุ้มค่าที่สุดสำหรับลูกค้า รวมทั้งการนำเสนอบริการด้าน Non Voice และบริการด้านเนื้อหา (Content) ต่างๆ ที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ของ ออเร้นจ์ เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจบริการด้าน Content สูง ทำให้บริษัทเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของบริการ Non Voice ต่างๆของบริษัท”
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้น UBC ในสัดส่วนร้อยละ 30.6 จากบริษัท MIH และจะทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ของยูบีซี ใน สัดส่วนร้อยละ 29.3 และในขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติตกลงเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท MKSC จากบริษัท MIH ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัท เคเอสซี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตชั้นนำของประเทศ ในสัดส่วนร้อยละประมาณ 40
ทั้งนี้ บริษัททรู และยูบีซี จะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 13 ธันวาคม 2548 เพื่อพิจารณาแผนการเข้าซื้อหุ้น และการยื่นคำขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท ยูบีซี ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2549 หลังจากผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติ
นายศุภชัย กล่าวว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นการสานต่อวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัททรู ในการเป็นผู้ให้บริการสื่อสารครบวงจรหนึ่งเดียวที่ตอบสนองและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ตรงใจลูกค้า เข้าสู่การเป็นผู้นำไลฟ์สไตล์และ Convergence Player รวมทั้งเป็นผู้นำบริการเสียง ข้อมูล และภาพ (Triple Player)
“แผนการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ยูบีซี จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับทรู ในการให้บริการบรอดแบนด์ และเคเบิลทีวีในประเทศ สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยีของโลก”
“ข้อมูล คอนเทนท์ และบริการ non voice ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการขยายตัวมากที่สุดของบริษัทฯ การตัดสินใจซื้อหุ้นในครั้งนี้จะทำให้กลุ่มทรูเติบโตได้เร็วขึ้น เนื่องจากสามารถขยายเครือข่ายและฐานลูกค้าของเราไปพร้อมๆ กับการนำเสนอบริการคอนเทนท์ที่ดี และหลากหลายยิ่งขึ้น”
นอกจากนั้นนายศุภชัยยังกล่าวว่า “การให้บริการด้านคอนเทนท์ใหม่ผ่านเว็บไซต์พอร์ทัล trueworld.net ซึ่งได้มีการเปิดตัวไปแล้วในไตรมาส 3 ถือเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์ของทรู ในการผสมผสานบริการด้านคอนเทนท์ แก่ลูกค้าทุกระบบ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจบรอดแบนด์ของบริษัทในอนาคต”
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กล่าวเสริมว่า ทรูได้ดำเนินการลดหนี้สินอย่างต่อเนื่อง โดยได้ชำระคืนหนี้รวมกว่า 1.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ทำให้มียอดชำระคืนหนี้รวมทั้งสิ้น 2.7 พันล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA สำหรับงวด 9 เดือนแรกลดลงเป็น 4.8 เท่า จาก 6.0 เท่า ณ ปลายปี 2547
“ทรูยังคงมีเงินสดเพียงพอสำหรับรายจ่ายลงทุนในปีนี้ โดย ณ สิ้นไตรมาส บริษัทฯ มีเงินสด รวมจำนวน 6.5 พันล้านบาท รวมเงินสดจาก ทีเอ ออเร้นจ์ จำนวน 2.3 พันล้านบาท” นายแฮริสกล่าวในที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทรู
คุณพิมลพรรณ / คุณศิษฎิ/ คุณณวนุช
โทรศัพท์ 0-2643 — 2463 / 02-699-2772--จบ--

แท็ก บรอดแบนด์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ