กรุงเทพฯ--20 มิ.ย.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหรัฐฯ ได้ผ่านการเห็นชอบร่างกฎหมายปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานความปลอดภัยสินค้าอุปโภค (Consumer Product Safety Modernization Act) เรียบร้อยแล้ว โดยร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นกรอบกฎหมายใหญ่ ที่ขยายอำนาจหน้าที่ให้กับหน่วยงาน Consumer Product Safety Commission (CPSC) ในการเรียกคืนสินค้าและระบุสินค้าที่มีความเสี่ยงจนอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ตลอดจนการปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานด้านศุลกากรเพื่อประสานงานในกรณีสินค้าที่นำเข้าเป็นสินค้าอันตรายหรือมีความเสี่ยง รวมทั้งปรับปรุงมาตรฐานที่กำหนดขึ้นภายใต้กฎหมายในกำกับดูแลของ CPSC เช่น The Federal Hazardous Substances Act, The Flammable Fabrics Act, The Poison Prevention Packaging Act เป็นต้น โดยจะมีผลกระทบต่อสินค้าหลายรายการทั้งสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าสำหรับเด็ก เช่น สินค้าของเด็กที่มีสาร Phthalates และสารตะกั่วเจือปน สินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เตียงนอน เก้าอี้ รถเข็น อุปกรณ์ช่วยการเดิน อย่างไรก็ดีร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเพียงกรอบกฎหมายใหญ่ ที่ยังไม่มีรายละเอียดในด้านการกำหนดมาตรฐาน ซึ่งหน่วยงาน CPSC จะได้จัดทำขึ้นภายหลังจากที่ร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
ทั้งนี้ร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของทั้ง 2 สภาข้างต้น จะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วมก่อนเสนอให้ประธานาธิบดีลงนามเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ต่อไปรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่http://www.govtrack.us/congress/billtext.xpd?bill=h110-4040&show-changes=0
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับปรุงมาตรการควบคุมความปลอดภัยสินค้าที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย ดังนั้น ผู้ประกอบการควรต้องเตรียมตัวและทำความเข้าใจกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวในด้านเทคโนโลยีการผลิต และการออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของตลาดสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
อนึ่งไทยมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในสหรัฐฯ มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 694,000 ล้านบาท สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 3 ของไทย รองจากอาเซียนและสหภาพยุโรป หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยในปี 2550 มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 660,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 740,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.52