กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้กลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ชอบสิ่งแปลกใหม่ ชอบการดูทีวี ตามด้วยการเล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ล้วนแล้วเป็นพฤติกรรมที่อยู่กับที่ ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคตเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่...
เพื่อเป็นการสร้างเสริมสุขภาพและพฤติกรรมออกกำลังกาย เพื่อป้องกันโรคตั้งแต่วัยเยาว์ จนพัฒนาเป็นนิสัยติดตัวไปเมื่อเติบใหญ่ กลุ่มธุรกิจโคคา — โคลา ในประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้จัดตั้งโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนทั้งในกรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเข้าร่วมโครงการ ในช่วง 2 ปีแรกจำนวน 200,000 คน และในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 3 ของโครงการ ได้เน้นขยายโครงการไปสู่โรงเรียนประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก ส่วนปีที่ 4 และ 5 จะขยายไปสู่ภาคเหนือและภาคใต้ โดยคาดว่าภายในปี 2550 จะได้เยาวชนเข้าร่วมโครงการครบ 1 ล้านคนตามเป้าหมายที่วางไว้
ดวงกมล อิศรพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” แห่งบริษัท โคคา — โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดเผยว่า “โครงการนี้นับเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่เป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการสร้างสุขภาพแข็งแรงด้วยการออกกำลังกายในโรงเรียน โดยมุ่งปลูกฝังให้เยาวชนไทยหันมาออกกำลังกายและรู้จักใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง ซึ่งโครงการนี้เป็นนวัตกรรมการสร้างสุขภาพแนวใหม่ ที่เน้นการใช้ชีวิตสมดุลระหว่างการออกกำลังกายและการรับประทานอย่างถูกหลักเพื่อสร้างสุขภาพแข็งแรง โดยยึดหลักพีรามิดออกกำลังกาย ของกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย และธงโภชนาการ ของสถาบันวิจับโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ เน้นการให้ความรู้แก่เยาวชนในเรื่องความสำคัญของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการรับประทานอาหารที่หลากหลายและได้สัดส่วน
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้น โครงการได้แบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือ กิจกรรม “ก้าวขยับ กระฉับกระเฉง” ซึ่งเป็นกิจกรรมการออกกำลังที่ง่ายที่สุดคือ การเดิน ซึ่งเราทุกคนรวมทั้งผู้ที่ไม่ชอบเล่นกีฬาสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ออกกำลังใดๆ และเพื่อสร้างความสนุกสนานและจูงใจให้ร่วมกิจกรรม เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับ “เครื่องนับก้าว” เพื่อวัดจำนวนก้าวที่เดินในแต่ละวัน ซึ่งตั้งเป้าเอาไว้วันละ 10,000 ก้าว ซึ่งเป็นจำนวนที่สร้างสุขภาพแข็งแรงและช่วยป้องกันโรคบางอย่างได้ และเครื่องนับก้าวนี้ ยังสามารถดูระยะทาง และจำนวนแคลอรีที่เผาผลาญอย่างคร่าวๆ ได้ด้วย
ส่วนกิจกรรมต่อเนื่องอันที่ 2 คือ “เต้นทุกที ดีทุกวัน” เป็นกิจกรรมที่ฝึกการยืดเหยียด และสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อ ด้วยการเต้นแอโรบิคอย่างสนุกสนาน โดยจะมีการแต่งเนื้อเพลงและออกแบบท่าเต้นโดยผู้เชี่ยวชาญให้เหมาะกับวัย โดยสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับเรื่องการออกกำลังและโภชนาการ ซึ่งเยาวชนสามารถซึมซับระหว่างการเต้นที่สนุกสนานอีกด้วย”
ด้านอาจารย์อรพรรณ จันทร์เปรม รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการและประชาสัมพันธ์ โรงเรียนพระแม่มารีสาทร หนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” ตั้งแต่ปี 2546 ได้เปิดเผยว่า “เป็นโครงการที่มีประโยชน์ และโดยส่วนตัวแล้วเป็นอาจารย์สอนวิชาดนตรีก็เลยของเป็นตัวแทนอาจารย์เข้าไปอบรมในโครงการนี้ เพื่อที่จะได้นำกลับมาใช้สอนนักเรียนประเภทกิจกรรมเข้าจังหวะ และหลังจากที่อบรมเสร็จจึงได้รู้ว่า โครงการนี้มีประโยชน์และสามารถนำมาใช้ได้กับวิชาดนตรี กิจกรรมเข้าจังหวะ วิชาพลศึกษา และวิชาสุขศึกษา เพราะในการอบรมจะเน้นเรื่องของการออกกำลังกาย และเรื่องของโภชนาการ”
“โดยที่ทางโครงการจะแจกเครื่งอนับก้าวพร้อมคู่มือโครงการให้กับครูและนักเรียน ซึ่งโรงเรียนพระแม่มารีสาทรได้รับมาจำนวน 300 เครื่อง และเครื่องนับก้าวนี้เป็นเหมือนแรงจูงใจ ให้เด็กนักเรียนอยากออกกำลังกายมากขึ้น ในครั้งแรกเด็กๆ จะคิดว่าเท่มาก ถ้ามาเครื่องนับก้าวนี้ เพราะว่ามีลักษณะคล้ายเพจเจอร์ โดยนำมาคาดกับเข็มขัดไว้ที่เอว พอเวลาที่เราเคลื่อนไหวเดินไปมาเครื่องนี้ก็จะนับ พอเวลาที่เราอยู่นิ่งๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวเครื่องนี้ก็จะไม่มีการนับก้าว ซึ่งมีงานวิจัยออกมาแล้วว่า ถ้าเราเดินถึง 10,000 ก้าว เทียบได้ว่าเราเดินได้ประมาณ 3 กิโลเมตร และสามารถเผาผลาญแคลอรี่ไปได้ 166.6 แคลอรี ทำให้เด็กชอบที่จะออกกำลังมากขึ้น”
อาจารย์อรพรรณ ได้กล่าวถึงกิจกรรม “เต้นทุกที ดีทุกวัน” ว่า “ทางโครงการยังได้ให้วีซีดีการออกกำลังกายกับทางอาจารย์ โดยอาจารย์เองได้นำมาใช้ในกิจกรรมเข้าจังหวะกับนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 และเห็นว่าได้ผลเป็นที่น่าสนใจ จึงได้ขยายออกสู่เด็กนักเรียนในชั้นอื่นๆ ส่วนของวิชาพละจะเป็นเรื่องของการทดสอบสมรรถภาพ ว่านักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง โดยในขั้นแรกมีการทดสอบเด็กนักเรียนมีสมรรถภาพอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนได้นำโครงการนี้มาปฏิบัติปรากฏว่า เด็กมีสมรรถภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเป็นที่น่าพอใจ และเด็กนักเรียนในกลุ่มเป้าหมายมีความตั้งใจที่จะออกกำลังกายมากขึ้น” อาจารย์อรพรรณสรุปผลลัพธ์จากการที่โรงเรียนเข้าร่วมโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง และทิ้งท้ายว่า “และในปีการศึกษาใหม่ 2548 ภาคเรียนที่ 1 ในช่วงแรกทางโรงเรียนก็จะยังทำกิจกรรมเหมือนเดิม คือเต้นแอโรบิคในตอนเช้า แต่ในภาคเรียนที่ 2 นี้ ทางอาจารย์ได้เตรียมแผนที่จะเพิ่มความแข็งแรงให้กับสุขภาพของนักเรียน โดยจะมีเน้นเรื่องของการเดินเพื่อสุขภาพ การวิ่งเพื่อสุขภาพ โยคะเพื่อสุขภาพ แอโรบิคเพื่อสุขภาพ ว่ายน้ำเพื่อสุขภาพ และคีตมวยไทย”
โครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” เป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจ ที่มุ่งเน้นเรื่องของการสร้างสุขภาพของเยาวชนไทยในโรงเรียน โดยปลูกฝังสร้างค่านิยมให้กับเยาวชนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อันสดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาและเป้าหมายของการทรวงศึกษาธิการที่ต้องการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และความรู้ หากโรงเรียนใดสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ประสานงานโครงการฯ โทร.0-2950-8216 หรือสมัครทางเว็บไซด์ www.thaikids-onthemove.com
คำบรรยายภาพ
- ดวงกมล อิศรพันธุ์ (กลาง) และเด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง”
- เครื่องมือนับก้าว และคู่มือโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง สำหรับเด็กๆ ที่อยากมี
สุขภาพแข็งแรง
- อาจารย์อรพรรณ จันทร์เปรม รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการและประชาสัมพันธ์
โรงเรียนพระแม่มารี สาทร หนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง
- เด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง
- เด็กๆ จากโรงเรียนพระแม่มารีสาทร ขณะออกกำลังกายร่วมกัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร.0-2434-8300, 0-2434-8547
สุจินดา, แสงนภา, อัญชลี
รัชนี รุ่งเสรีรัช
บริษัทโคคา — โคลา (ประเทศไทย) จำกัด
โทร.0-2955-0777 ต่อ 476
อีเมล์ rratchanee@apac.ko.com
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--