กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
นักวิเคราะห์ประเมินราคาหุ้นน้ำตาลขอนแก่น 5-5.37 บาท ชี้เป็นธุรกิจน้ำตาลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพการเติบโตของรายได้และกำไรสูง ขณะที่หนี้สินต่ำ ได้เปรียบคู่แข่งขัน ทั้งเสถียรภาพธุรกิจน้ำตาล มีโอกาสจ่ายเงินปันผลปี 2548 ประมาณ 0.22 บาทต่อหุ้น
ภายหลังจากบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทั้งในและต่างประเทศ โดยมีประสิทธิภาพผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 280 ล้านหุ้น ราคา 4.30 บาท ราคาพาร์ 1 บาท ระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2548 ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 5 บาทกว่า
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) หนึ่งในผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประเมินมูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสมของ KSL ไว้ที่ 5.37 บาทต่อหุ้น โดยใช้วิธี Sum-of-the-parts แบ่งเป็น 2 ส่วน คือใช้วิธีการประเมินมูลค่าธุรกิจน้ำตาลด้วยวิธี PER Multiple ที่ 11 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งได้มูลค่าธุรกิจน้ำตาลที่ 4.85 บาทต่อหุ้น และประเมินมูลค่ารวมของโครงการผลิตไฟฟ้า เอทานอล และปุ๋ยด้วยวิธี NPV ที่ 1 เท่า ได้มูลค่า 0.52 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ การที่ KSL เป็นกลุ่มโรงงานน้ำตาลที่มีกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ อุตสาหกรรมน้ำตาลได้รับการปกป้องโดย พรบ.อ้อยและน้ำตาล โดยรัฐบาลไม่อนุญาตให้เปิดโรงงานใหม่หรือเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้อุตสาหกรรมมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรง และ KSL เป็นกลุ่มโรงงานเพียงกลุ่มเดียวที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง โดยหลังการเพิ่มทุนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือเพียง 0.26 เท่า
โครงการใหม่ของ KSL ได้แก่โรงงานผลิตไฟฟ้า โรงงานผลิตเอทานอล และโรงงานผลิตปุ๋ยจะช่วยทำให้กำไรสุทธิมีการเจริญเติบโตตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นไป
บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด หนึ่งในผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น KSL ที่ 5.20 บาท จากกำไรต่อหุ้นปี 47/48 และ เป้าหมายอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี) ที่ 13 เท่า สูงกว่าค่าพีอีเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเกษตรและอาหาร ซึ่งซื้อขายเฉลี่ยที่ 9 เท่า เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของธุรกิจน้ำตาล และขยายการลงทุนในโครงการใหม่ที่อิงกับโครงการด้านพลังงาน อันเป็นการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ของธุรกิจน้ำตาล ทำให้คาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตในอัตราที่สูงในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด หนึ่งในผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า ฐานการเงินของบริษัทน้ำตาลขอนแก่นแข็งแรงมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.2 เท่า และทั้ง 4 โรงงานสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจมาได้ด้วยดี จากการประเมินราคาเหมาะสมที่ค่าพีอี 11 เท่า เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตเฉลี่ย CAGR ระหว่าง 05-06 ที่ 13% ต่อปี ราคาเหมาะสมของหุ้นน้าตาลขอนแก่นอยู่ที่ 5 บาท
บริษัทหลักทรัพย์บีที จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประเมินราคาเป้าหมายระยะยาวของหุ้น KSL ไว้ที่ 5.10 บาท และหากใช้วิธีคิดลดกระแสเงินสดจะได้ราคาที่เหมาะสมของ KSL ที่ 5.03 บาท และคาดว่าปี 2548 จะจ่ายเงินปันผล ประมาณ 0.22 บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตว่าในปี 2547/2548 ปริมาณอ้อยที่เข้ามาหีบที่โรงงานจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 5.1 ล้านต้นอ้อย โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถผลิตน้ำตาลได้ประมาณ 561,000 ตัน จึงประเมินว่าบริษัทจะมียอดขายในประเทศประมาณ 2,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% อีกส่วนมาจากรายได้จากการขายกากน้ำตาลที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 396 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 145% ซึ่งเป็นผลมาจากราคากากน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยในส่วนของยอดขายจากการส่งออกคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% โดยเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น หากประเมินรายได้รวมของ KSL จะอยู่ที่ 6,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.85% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 686 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.44 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 11% จากปีที่แล้ว ซึ่งหากตัดราการพิเศษออกไปจะพบว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตถึง 38%
บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า ความน่าสนใจลงทุนของหุ้น KSL อยู่ที่การกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจปลายน้ำ โดยเฉพาะกิจการไฟฟ้ารายย่อย และ เอทานอล ซึ่งใช้กากอ้อย และกากน้ำตาล อันเป็นผลพลอยได้มาจากการผลิตน้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บริษัทลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำตาลที่ผูกติดกับตลาดโลกแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรให้สูงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น การที่ KSL ไม่มีแผนการใช้เงินลงทุนที่มีสาระสำคัญในช่วงอดีตที่ผ่านมา ทำให้กลุ่ม KSL มีกระแสเงินสดเป็นบวกมาตลอด และแม้ว่าจะต้องใช้เงินสดลงทุนใน 3 โครงการใหญ่ แต่ประเมินว่า KSL จะสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างน้อยปีละ 500 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นกระแสเงินสดต่อหุ้นเท่ากับ 0.32 บาทต่อหุ้น จึงคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายปันผลในปี 2548 ได้ประมาณ 0.22 บาท ปี 2549 ประมาณ 0.23 และ 0.29 บาท ในปี 2550 ตามลำดับ
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจปลายน้ำ (Downward Integration) ตามนโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยส่วนหนึ่งของเงินจะนำไปลงทุนในบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น และบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด อีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
อนึ่ง บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2519 ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,600 ล้านบาท เรียกชำระแล้วประมาณ 1,270 ล้านบาท โดยมีโรงงานผลิตน้ำตาลทรายอยู่ที่อำเภอ น้ำพอง จังหวัด ขอนแก่น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายประกอบด้วย น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) น้ำตาลทรายขาว (White Sugar) น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) และ โมลาส ( Molasses) โดยกลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่นเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย และเป็นบริษัทน้ำตาลที่ได้ผ่านการตรวจรับรองระบบบริหารจัดการคุณภาพตาม “มาตรฐาน SQF 2000”, “มาตรฐาน ISO 9001 Version 2000”, รวมทั้ง “มาตรฐานระบบวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องการควบคุม” หรือ HACCP
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่นมีโรงงานน้ำตาลภายใต้กลุ่มทั้งหมด 4 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่
3 ภาค ได้แก่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงงานน้ำตาล
นิวกรุงไทย จำกัด และบริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด ในภาคกลาง และ บริษัท น้ำตาลกว้างสุ้นหลี จำกัด ในภาคตะวันออก
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
อินทิรา ใจอ่อนน้อม
ม.ล. ฉัตรามณี เกษมศรี
ดรรชนี นวลเขียว
ศศิคนางค์ ศรีนวน
ครองใจ แสงเงิน
124 คอมมิวนิเคชั่นส
โทร. 0-2662-2266--จบ--