กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
กองทัพเรือ กำหนดประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี ๒๕๔๘ ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ในการนี้ จึงขอเชิญชวนข้าราชการ ทหาร และลูกจ้างที่มีจิตศรัทธาร่วมบำเพ็ญกุศลทอดผ้าพระกฐินพระราชทานกองทัพเรือ โดยสามารถร่วมบริจาคเงินสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม ได้ที่หน่วยต้นสังกัด หรือบริจาคได้ที่
- กรมการเงินทหารเรือ พระราชวังเดิม หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๗๕ ๔๘๘๒และ ๐ ๒๔๗๕ ๕๕๕๗
- โอนเงินหรือเช็คสั่งจ่าย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อย กองบัญชาการกองทัพเรือ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ ๑๑๕ - ๒ - ๐๖๖๑๓ - ๘ ชื่อบัญชี "พระกฐินพระราชทานกองทัพเรือ"
- ธนาณัติสั่งจ่าย ปณ.บางกอกใหญ่ ๑๐๖๐๐ ในนาม กรมการเงินทหารเรือ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐
- วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๔๑๑ ๒๐๓๙
กองทัพเรือ ถือเป็นนโยบายที่จะขอพระราชทานผ้าพระกฐินไปทอด ณ พระอารามหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กองทัพเรือทุกปี และได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ เป็นต้นมา สำหรับปี๒๕๔๘ กองทัพเรือได้ขอพระราชทานผ้าพระกฐินทอดถวาย ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เพื่อสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามต่อไป วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๒๕๐ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ที่ดินที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ ๓๑ ไร่ ๑ งาน ๑๓ ตารางวา และมีธรณีสงฆ์จำนวน ๕ ไร่ เดิมเรียกว่า วัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงครองราชย์แล้วทรงใฝ่พระทัยเป็นธุระในพระพุทธศาสนา พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ยกวัดบางหว้าใหญ่ ซึ่งเดิมเป็นวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวง เมื่อล่วงรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระองค์ได้มีพระราชปรารภถึง พระตำหนักและหอประทับนั่งที่ได้รื้อไปปลูกไว้ที่วัดบางหว้าใหญ่ในสมัยที่พระองค์ ทรงพระยศเป็นพระราชวรินทร์ รับราชการในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระราชประสงค์จะปฏิสังขรณ์ปรับปรุงให้มั่นคงสวยงามยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีพระราชประสงค์จะยกขึ้นเป็นหอพระไตรปิฎก จึงมีพระกระแสรับสั่งให้สืบถามเรื่องระฆังของวัดบางหว้าใหญ่ ที่ขุดได้ในวัดนั้นว่าขุดได้ ณ ที่ใด เมื่อทรงทราบว่าทางวัดขุดระฆังดังกล่าวได้ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระอุโบสถ(พระอุโบสถหลังเก่า) เป็นระฆังซึ่งมีเสียงไพเราะยิ่งนัก จึงมี พระราชดำรัสให้ขุดที่บริเวณนั้นเป็นสระ แล้วสร้างเขื่อนรอบสระเรียงอิฐก่อด้วยดินเหนียว แล้วให้รื้อพระตำหนักและหอประทับนั่งจากเดิมมาปลูกลงในสระเป็นรูปเรือน ๓ หลังแฝด
เมื่อการปฏิสังขรณ์ซ่อมสร้างเสร็จแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด พระราชพิธีมหกรรมและเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพระองค์เอง และทรงปลูกต้นจันทน์ไว้ในทิศทั้งแปด เสร็จแล้วทรงประกาศพระราชอุทิศให้เป็นหอพระไตรปิฎก แต่มีผู้เรียกกันว่า "ตำหนักจันทน์" และทรงขอระฆังเสียงดีลูกนั้นไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงสร้างหอระฆังจตุรมุขพร้อมทั้งระฆังอีก ๕ ลูก พระราชทานไว้แทน เนื่องจากการขุดระฆังได้ ดังกล่าวจึงได้ชื่อตามที่ประชาชนเรียกกันว่า "วัดระฆัง" ตั้งแต่นั้นมา
(ที่มา : แผ่นพับ ประชาสัมพันธ์พระกฐินพระราชทานกองทัพเรือ พ.ศ.๒๕๔๘)--จบ--