คณะกรรมการประสานการรณรงค์ประหยัดพลังงานเดินหน้าแผนประหยัดพลังงานในหน่วยรัฐ-เอกชน-ประชาชน

ข่าวบันเทิง Thursday June 16, 2005 09:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สนพ.
คณะกรรมการประสานการรณรงค์ประหยัดพลังงาน เร่งดำเนินการแผนประหยัดพลังงาน ลดใช้พลังงานให้ได้ 10-15% พร้อมประสานกระทรวงการคลังเพื่อให้โบนัสหน่วยงานรัฐที่ประหยัดได้ ภาคเยาวชนและประชาชน ลุยสร้างหลักสูตรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม กระตุ้นจิตสำนึกเยาวชน และหนุนกิจกรรมส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานการรณรงค์ประหยัดพลังงาน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2548 ว่า เพื่อให้การดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานในภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ ภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ ภาคประชาชนและภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ทางคณะกรรมการฯ จึงได้กำหนดแผนปฏิบัติการเพื่อลดการใช้พลังงาน ดังนี้
ในส่วนของการดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี ดร.วิษณุ เครืองาม กำกับดูแล ได้วางเป้าหมายในการลดใช้พลังงาน 10-15% โดยกำหนดให้ทุกหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ลดใช้เครื่องปรับอากาศ ระหว่างเวลา 12.00 — 13.00 น. ต่อเนื่องจากวัน Kick Off เป็นเวลา 3 เดือน และประหยัดพลังงานด้วยวิธีอื่นๆ อย่างเคร่งครัด และรายงานข้อมูลการลดใช้พลังงาน ซึ่งกรมพัฒนาพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน จะทำการสุ่มตรวจสอบ Pre/Post Audit รายงานให้ สนพ. เป็นรายไตรมาส
นอกจากนี้ เพื่อให้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจได้รับทราบนโยบายและแนวทางการลดใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน สนพ. จึงได้เตรียมสัมมนาเชิงปฏิบัติการคณะทำงานลดใช้พลังงานของทุกหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการจัดสัมมนาใหญ่ 1 ครั้ง ที่มีรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน เพื่อซักซ้อมความเข้าใจกับผู้บริหารระดับสูง พร้อมทั้งจัดสัมมนาตามภูมิภาคต่างๆ 5 ครั้ง เพื่อตั้งเครือข่ายคณะทำงานและสร้างการรับรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ในส่วนของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จัดให้มีทีมอบรมด้านการสร้างจิตสำนึกให้กับผู้จัดการพลังงาน พร้อมแนะนำเทคนิคการบริหารการใช้พลังงาน เทคนิคการบำรุงรักษาการซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่ทดแทนของเก่าให้มีประสิทธิภาพสูงให้กับผู้จัดการพลังงานประจำอาคารหน่วยงานราชการทั่วประเทศ และจะมีการสุ่มตรวจสอบผลการประหยัดพลังงาน
โดยมาตรการประหยัดพลังงานดังกล่าว ได้กำหนดให้เป็น KPI ของทุกหน่วยงาน และคณะกรรมการฯ จะประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์การมอบโบนัสให้กับหน่วยงานที่สามารถประหยัดพลังงานได้ตามเป้าหมายต่อไป
ในส่วนของการรณรงค์ประหยัดพลังงานภาคเยาวชนและประชาชน ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง กำกับดูแล ได้มีการวางเป้าหมายลดการใช้พลังงานลง 10-15% โดยในกลุ่มเยาวชน เน้นให้มีการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างประหยัดและรู้คุณค่า โดยใช้กลไกของโครงการรุ่งอรุณ ที่เน้นหลักสูตรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องมือ ด้วยการทำ MOU กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อกำหนดเป็น KPI ของทุกโรงเรียน พร้อมเร่งขยายผลให้โรงเรียนที่อยู่ในเครือข่ายรุ่งอรุณ 600 แห่ง เป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนระดับประถมและมัธยมทั่วประเทศกว่า 30,000 โรงเรียน
นอกจากนี้ยังเตรียมจัดกิจกรรม “Energy Fantasia” โดยจะเปิดรับสมัครเยาวชนเข้าเป็นสมาชิก “Energy Fantasia” เพื่อเป็นแนวร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไม่น้อยกว่า 10,000 คน เข้าร่วมแข่งขันในกิจกรรมต่างๆ รวมถึงจัดกิจกรรมใหญ่เพื่อให้สมาชิกได้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเยาวชนที่ชนะเลิศในกิจกรรมต่างๆ จะได้คัดเลือกเป็นทูตอนุรักษ์พลังงานไทย
ในส่วนของประชาชนทั่วไป กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ อสมท. และกระทรวงมหาดไทย เป็นแกนหลักรณรงค์ประหยัดพลังงาน โดยการจัดกิจกรรมและเผยแพร่ความรู้ประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดงานสัปดาห์แห่งการประหยัดพลังงาน การสานต่อโครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 3 และกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องภายใต้โครงการ “รวมพลังไทย ลดใช้พลังงาน” อาทิ การรณรงค์ปิดไฟอย่างน้อยบ้านละ 1 ดวง ให้ต่อเนื่อง และเสริมการบอกวิธีลดใช้พลังงานอื่นๆ การลดใช้เครื่องปรับอากาศ ช่วงเวลา 12.00 — 13.00 น. ปิดไฟทุกดวงและคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ไม่ใช้ และส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชน รณรงค์ทางเดียวกันไปด้วยกัน การสร้างกระแสบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง เช่น เป่าไส้กรอง รณรงค์ใช้แก๊สโซฮอล์ และ NGV แทนน้ำมัน โดยสร้างความรู้ความเข้าใจ และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนผ่านสื่อต่างๆ
ในส่วนของการดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำกับดูแล ได้มีการวางเป้าหมายลดการใช้พลังงานลง 25% เป็นเงิน 93,000 ล้านบาท ในปี 2551 โดยได้กำหนดไว้ 2 มาตรการคือ 1. มาตรการกระตุ้นธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยตรง ซึ่งจะมีกลไกประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ได้แก่ คณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (กรอพ.) และศูนย์ร่วมภาครัฐและเอกชนให้คำปรึกษาประหยัดพลังงาน ใช้วิธีไดเรคท์เซลล์นำวิธีการของะรกิจที่ประสบความสำเร็จเผยแพร่สู่ธุรกิจอื่น โดยมีเป้าหมายที่ธุรกิจขนาดใหญ่ 650 แห่งต่อปี และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ สิ่งทอ อาหาร พลาสติก โลหะ และโรงแรม โดยตั้งเป้าหมายการประหยัดไว้ที่ 15% คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 55,800 ล้านบาท และ 2. มาตรการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมัน ปี 2548 — 2550 กำหนดดำเนินการในอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ 5 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมฯ 9 แห่ง ตั้งเป้าหมายการประหยัดไว้ที่ 10% คิดเป็นเงิน 37,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้มีการกำหนดผู้รับผิดชอบแต่ละกลุ่มธุรกิจ แบ่งตามประเภทของอุตสาหกรรมเป็น 7 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรม เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มธุรกิจธนาคาร สมาคมธนาคารไทย เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มธุรกิจการเกษตร บริษัท ซีพี จำกัด ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มธุรกิจการค้า หอการค้าไทย ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นผู้นำกลุ่ม และกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำกลุ่ม และตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผู้ประสานงาน
โดยแต่ละกลุ่มจะต้องดำเนินการและจัดทำแผนในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการประหยัดพลังงานของกลุ่มในประเด็นต่างๆ อาทิ เริ่มและจัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อยอย่างต่อเนื่อง กำหนดบริษัทเป้าหมายและบริษัทนำร่องของกลุ่มธุรกิจ จัดทำคู่มือ Best Practice และ Knowledge Sharing ของกลุ่มธุรกิจและนำมาขยายผลทุก 1-2 เดือน จัดให้มี Energy Audit จัดสัมมนาให้ความรู้ และคำแนะนำปรึกษาแก่สมาชิกในกลุ่ม จัดทำ Categorize และ Benchmarking เพื่อให้ทราบตำแหน่งสมาชิก โดยนำเสนอแบบอย่างที่ประสบความสำเร็จและให้รางวัลประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงานที่สามารถประหยัดได้จริงแก่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหาร 2
โทร. 0 2612 1555 ต่อ 201-5 โทรสาร 0 2612 1368
121/1-2 ถ.เพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
www.eppo.go.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ