กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK) ที่ระดับ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ ขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันชุดที่ 1/2550 จำนวน 3.0 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2553 ของ MBK ที่ระดับ ‘A-(tha)’
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะและชื่อเสียงทางการตลาดของบริษัทที่มั่นคงในธุรกิจศูนย์การค้า และธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพจากการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ รวมถึงกระแสเงินสดที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากการลงทุนในโครงการใหม่ จุดแข็งของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้แก่ ทำเลที่ตั้งและชื่อเสียงที่ดีของศูนย์การค้า จำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าที่แข็งแกร่ง ฐานผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าที่หลากหลาย รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างจากศูนย์การค้าอื่นที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียง ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ (คิดเป็นสัดส่วนประมาณสองในสามของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ของบริษัท) และช่วยลดทอนผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจศูนย์การค้า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา EBITDAR ของบริษัทค่อนข้างมั่นคงอยู่ในระดับประมาณ 1.3 พันล้านบาท ถึง 1.5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของ MBK ได้แก่ สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่แย่ลงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจศูนย์การค้าและการท่องเที่ยว รวมถึงการที่บริษัทมีการลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักอยู่ในระดับที่สูง โดยบริษัทถือครองหุ้นในบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) ในระดับที่สูง โดย MBK มีเงินลงทุนใน TCAP คิดเป็นสัดส่วน 10% ของสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551
MBK มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (ไม่รวมเงินมัดจำค่าเช่าและรายได้รับล่วงหน้า) อยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาทในช่วงเก้าเดือนแรกของปีงบการเงิน 2551 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2551) เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจข้าว อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Net Debt/EBITDAR) เพิ่มขึ้นมาที่ 2.8 เท่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 เทียบกับ 1.5 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงินปี 2550 (สิ้นสุดเดือนมิถุนายนปี 2550) อันเป็นผลจากการระดมเงินโดยการออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ MBK คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทน่าจะปรับตัวดีขึ้นที่ระดับประมาณ 2.5 เท่าในช่วงสามปีข้างหน้า อันเป็นผลจากการคาดการณ์ว่าจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นและมีการลงทุนใหม่ที่ไม่สูงมากนัก ในขณะเดียวกัน MBK น่าจะสามารถดำรงสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยมีส่วนสนับสนุนมาจากเงินสดในมือจำนวน 243 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 และการที่บริษัทมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมั่นคงจากศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์
แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าสถานะทางการตลาดที่มั่นคงในธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมในกรุงเทพฯ รวมถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของบริษัทจะช่วยรักษาความคล่องตัวทางการเงินได้ในระยะปานกลาง ผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและการขายเงินลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักเพื่อระดมเงินสด ซึ่งช่วยทำให้ MBK มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่ต่ำกว่า 2.0 เท่าได้อย่างต่อเนื่องน่าจะมีผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของ MBK ในขณะที่ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการลงทุนใหม่อันมีผลทำให้ MBK มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิสูงกว่า 3.0 เท่าเป็นเวลาต่อเนื่องและการลดลงของอัตราการเข้าพักเฉลี่ยและอัตราค่าเช่าศูนย์การค้า MBK และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมหลักน่าจะมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ติดต่อ: วสันต์ ผลเจริญ, เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, Vincent Milton +662 655 4755