กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--พพ.
ก.พลังงาน เปิดตัว “สินเชื่อพลังงานครัวเรือน” ผ่านการส่งเสริมจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานถึง 1,000 ล้านบาท พร้อมจับมือ 5 ธนาคาร ปล่อยกู้โดยไม่มีดอกเบี้ย มั่นใจดึง 7.5 หมื่นครัวเรือน ใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานเบอร์ 5 หรือสูงกว่า ชี้ช่วยชาติประหยัดพลังงาน 1,000 ล้านบาทต่อปี
วันนี้ (26 มิ.ย.) พลโท หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาโครงการ“สินเชื่อพลังงานครัวเรือน” ระหว่าง กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และ ผู้บริหารจาก 5 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และ ธนาคารออมสิน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 11 มาตรการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ของกระทรวงพลังงาน ที่จะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
พลโท หญิง พูนภิรมย์ กล่าวว่า โครงการ “สินเชื่อพลังงานครัวเรือน” ได้รับเงินส่งเสริมมาจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนผ่านสถาบันการเงิน ได้แก่ 5 ธนาคารดังกล่าว โดยจะนำเงินไปปล่อยสินเชื่อให้แก่ประชาชน สำหรับซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง โดยไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นให้ภาคครัวเรือนใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ได้ตั้งเป้ามีผู้ขอรับสินเชื่อไม่น้อยกว่า 75,000 ครัวเรือน และก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงาน 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัว และเล็งเห็นความสำคัญของการประหยัดพลังงาน และในวันนี้ ได้มีการให้สินเชื่อพลังงานครัวเรือนแก่ประชาชนประมาณ 20 ราย
นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวเสริมว่า อุปกรณ์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง ประกอบด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ทุกชนิด อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเบอร์ 5 และอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในครัวเรือน เช่น เตามหาเศรษฐี เตาชีวมวลขนาดเล็ก เตาย่างไก่ ฝาครอบแก๊ส ลูกหมุนระบายอากาศ 24 นิ้ว กระเบื้องแผ่นใส และหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ 11 วัตต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการขอสินเชื่อนั้น ได้กำหนดให้ผู้ขอสินเชื่อรายละไม่เกิน 10,000 บาท ยกเว้นเครื่องปรับอากาศให้ในวงเงินตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน30,000 บาทโดยต้องมีการคืนซากของเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเดิม เบื้องต้นได้กำหนดระยะเวลาในการปล่อยสินเชื่อ 18 เดือน และระยะเวลาในการชำระหนี้คืนไม่เกิน 1 ปี นับจากสิ้นสุดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเงื่อนไขให้ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารจะเป็นผู้กำหนด แต่หลักเกณฑ์ทั่วไปนั้น เบื้องต้นผู้ขอสินเชื่อ ควรมีประวัติทางการเงินดี มีรายได้ต่อเดือนเพียงพอต่อการชำระหนี้ และมีที่อยู่แน่นอนสามารถติดต่อได้สะดวก ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถยื่นเรื่องขอสินเชื่อได้ตามธนาคารที่ร่วมโครงการได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551 — เดือนตุลาคม 2552