กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--กระทรวงยุติธรรม
ดีเอสไอระบุปัญหาปลอมบัตรเครดิตเป็นฝีมือองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตำรวจพบพฤติการณ์ในหลายจังหวัด ใช้วิธีหลากหลายขโมยข้อมูลบัตรเครดิต เตือนคนใช้บัตรเครดิตระวังให้มาก ส่วนผู้เกี่ยวข้องต้องมาร่วมกันเอาจริง
จากการที่ได้มีการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๕ และได้มีพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.๒๕๔๗ รองรับอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่พิเศษตามกฎหมายนั้น เนื่องจากรัฐเห็นความสำคัญในการที่จะป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีลักษณะการจัดตั้งเป็นขบวนการ และอาชญากรรมที่เป็นผู้มีอิทธิพล รวมถึงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ให้เป็นระบบ
ซึ่งในบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวได้นำแก้สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นด้านงบประมาณ ปัญหาในด้านกฎหมาย อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีเครื่องมือพิเศษตามกฎหมายให้อำนาจในการแฝงตัวเข้าไปในองค์กรอาชญากรรม การร่วมกับหน่วยงานอื่นของรัฐในการบูรณาการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน อำนาจในการค้นโดยไม่มีหมายค้น การร่วมกับพนักงานอัยการ หรือ อัยการทหารในการปฏิบัติหน้าที่ และสอบสวน เครื่องมือทางกฎหมายดังกล่าวส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานในด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำนักกิจการต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง เช่น อาชญากรรมในเรื่องการค้ามนุษย์ที่มีความเกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบการค้าประเวณีในต่างประเทศ อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกบัตรประจำตัวประชาชนโดยมิชอบ และ อาชญากรรมเกี่ยวกับการปลอม และลักลอบใช้บัตรเครดิต พฤติการณ์การกระทำของคนร้ายมีลักษณะเกี่ยวพันกันอย่างเป็นระบบ จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในเรื่องการสืบสวนสอบสวนอย่างดี อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาที่พบจากการปฏิบัติงานอยู่บ้างโดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มอาชญากรรมปลอมบัตรเครดิต
พันตำรวจเอกทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ๑ สำนักกิจการต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ เปิดเผยเกี่ยวกับอาชญากรรมในเรื่องบัตรเครดิต ว่า การทุจริตบัตรเครดิตมีหลายอย่าง เช่น บัตรหาย หรือบัตรถูกโขมย แล้วมีการนำบัตรไปทุจริต หรือ บัตรอาจหายไประหว่างการส่งมอบให้ลูกค้าของธนาคาร หรือ การปลอมเอกสารการสมัครเป็นบุคคลอื่นแล้วนำบัตรไปใช้ แต่พฤติการณ์ที่กลุ่มคนร้ายกระทำความผิดที่พบในขณะนี้เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการคัดลอกข้อมูลในบัตรและมีการปลอมแปลงบัตรใหม่ไปใช้ เป็นพฤติการณ์ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจพบ และพฤติการณ์ดังกล่าวมีการกระทำความผิดเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้กระทำความผิดมีทั้งคนไทยและต่างชาติที่เข้ามากระทำความผิดโดยบุคคลทั้งสองกลุ่มจะมีขั้นตอนการทำงาน และวางแผนการกระทำความผิดอย่างเป็นระบบ
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เคยจับกุมชาวมาเลเซียเข้ามากระทำความผิดในลักษณะการใช้บัตรเครดิตปลอม ลักษณะการกระทำความผิดจะมีการโขมยข้อมูลบัตรเครดิตผ่านทางสายโทรศัพท์(wire tapping)ของบุคคลอื่น เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจะใช้เครื่องแปลงข้อมูลลงในบัตรใบใหม่โดยมีการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนปลอม หรือ หนังสือเดินทางปลอมใช้ควบคู่กับบัตรเครดิตที่ปลอมขึ้น และจะมีการนำบัตรเครดิตไปใช้ โดยการนำบัตรไปใช้นั้นบางครั้งร้านค้า หรือ ลูกจ้างของร้านค้าที่ได้บัตรเครดิตรู้เห็นเป็นใจและมีส่วนร่วมกระทำความผิดกับกลุ่มคนร้ายด้วย จะเห็นได้ว่าการกระทำความผิดดังกล่าวแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ จะมีการติดต่อกันระหว่างภายในประเทศและภายนอกประเทศ โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดได้นำเทคโนโลยีและมีการใช้เครื่องมือทันสมัยที่ผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งยากแก่การสืบสวนจับกุมดำเนินคดี
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า จากการที่ได้ตรวจสอบข้อมูลของสำนักกิจการต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศพบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเหมือนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ มีการจับกุมเรื่องพวกนี้อยู่ในหลาย ๆ จังหวัด แต่ก็พบปัญหาในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องบัตรเครดิตโดยเฉพาะ หรือ ไม่เคยทราบถึงพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายดังกล่าวเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งในการปราบปรามผู้กระทำความผิด และยังขาดแนวทางการให้ความร่วมมือกันอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องระหว่างหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายด้วยกัน ทำให้บุคคลากรที่มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายไม่มีความรู้ในเรื่องการกระทำความผิดของคนร้ายจึงทำให้ขาดพยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีกับคนร้ายได้
ทั้งนี้ จากการเฝ้าติดตามดูพฤติการณ์ของกลุ่มดังกล่าวจะพบว่ากลุ่มคนร้ายที่กระทำความผิดประเภทนี้จะมีความชำนาญ ระมัดระวังตัวอยู่เสมอไม่ค่อยจะเก็บหลักฐานไว้ที่ตัวและทำลายพยานหลักฐานที่ตัวเองทำไว้โดยตลอด รวมถึงใช้ช่องว่างของกฎหมาย ทำให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่สามารถสืบสวนถึงตัวผู้กระทำความผิดรายใหญ่หรือมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตามสำนักกิจการต่างประเทศและอาชญากรรมระหว่างประเทศ ได้ทำการจัดก็บข้อมูลสำคัญและทำการสืบสวนกลุ่มคนร้ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวสรุปว่าปัญหาเกี่ยวกับป้องกันและปรามปรามผู้กระทำความผิดมีอยู่หลายประการ บางส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องผนึกกำลังกันอย่างเป็นระบบ ต้องพัฒนาและฝึกความเชี่ยวชาญในด้านการสืบสวนและสอบสวนในเรื่องดังกล่าวร่วมกัน และประสานงานการทำงานกันอย่างจริงจัง และเป็นระบบ อีกส่วนหนึ่งคือปัญหาเกี่ยวกับธนาคารพาณิชย์ หรือ สถาบันการเงิน ที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดความเสียหายโดยมีการทุจริตเกิดขึ้นไม่ได้มองว่าเป็นความเสียหายร้ายแรงนัก เนื่องจากเมื่อมีความเสียหายก็มีบริษัทประกันภัยรับผิดชอบ อีกทั้ง สถาบันการเงิน หรือ ธนาคารพาณิชย์ควรที่จะประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึก และวิเคราะห์ปัญหาในการปฏิบัติงานร่วมกัน
ในด้านประชาชนผู้บริโภคนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจพบว่ามีการลักลอบขโมยข้อมูลบัตรเครดิตเว็บไซด์ โดยการเปิดเว็บไซด์หลอกเพื่อขโมยข้อมูลของลูกค้า และการแฮ็คฐานข้อมูลจากลูกค้า เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็จะไปทำการปลอมแปลงบัตรไปใช้ หรือ นอกจากนี้กลุ่มที่ประกอบการทุจริตบัตรเครดิตจะอาศัยเปิดบัญชีในนามของคนอื่น เพื่อเวลาสืบสวนจะได้ไม่ถึงตัวเอง ประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จะถูกหลอกให้ไปเปิดบัญชีกับธนาคารโดยได้รับค่าตอบแทนจากการเปิดบัญชี ซึ่งในลักษณะเช่นนี้อาจเข้าข่ายมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดนั้นได้ ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่ควรหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อการกระทำดังกล่าว รวมถึงการระมัดระวังในเรื่องของการใช้บัตร ถ้าสูญหายต้องรีบการแจ้งระงับ เพราะบัตรเครดิตที่สูญหายคนร้ายสามารถเอาไปใส่ในเครื่องถอดรหัสออกมาได้ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าโดยมากจะเป็นบัตรที่ได้รหัสมาจากต่างประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยว และคนร้ายที่อยู่ต่างประเทศส่งรหัสมายังคนร้ายที่อยู่ในประเทศไทยนำไปใช้
การแก้ปัญหาจึงต้องเร่งดำเนินการอย่างเป็นระบบ และถือเป็นนโยบายสำคัญซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เร่งดำเนินการ โดยจะมีการเชิญหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ มาร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากธุรกิจการประกอบอาชญากรรมในเรื่องบัตรเครดิตอย่างเป็นระบบ เนื่องจากปัญหาการกระทำความผิดในเรื่องบัตรเครดิต ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และความเชื่อถือของชาวต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการเฝ้าระวังการกระทำความผิดในลักษณะของการปลอมและใช้บัตรเครดิตปลอมซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายหรือกลุ่มที่จะประกอบอาชญากรรมในด้านต่าง ๆ และได้จัดเก็บข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปลอมบัตรเครดิตอยู่เป็นจำนวนมาก
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายเป็นข้อสังเกตว่า พฤติการณ์ของคนเหล่านี้เมื่อได้เงินมาก็จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และมักประกอบอาชญากรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เกี่ยวข้องกับเรื่องของยาเสพติด เกี่ยวข้องกับการลักลอบปลอมบัตรประชาชน เกี่ยวข้องกับการที่จะต้องไปให้เงินสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนในการจัดทำบัตรปลอม หนังสือเดินทางปลอม เป็นต้น
“บัตรเครดิตปลอม” จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความเชื่อถือของประเทศอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งภารกิจท้าทายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ