กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--บลจ.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มสนใจการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีมากขึ้น เนื่องจาก ธนาคารแห่งประเทศมีแนวโน้มที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จาก3.25% เป็น3.50%ต่อปี และมีกระแสว่าปลายปีนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะปรับขึ้นสูงถึง 4.25% ต่อปี เพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมัน
ที่ผ่านมากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงและมีอันดับเครดิตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ แต่ในขณะนี้ลูกค้าเริ่มชะลอการลงทุนในกองทุนพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ โดยสังเกตจากยอดปริมาณการซื้อที่ลดลง เนื่องจากมีการจำหน่ายหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาหลายเดือน ติดต่อกัน ถึงแม้ผลตอบแทนจะจูงใจต่อการลงทุนก็ตาม ซึ่งผู้ลงทุนอาจจะต้องการลงทุนในกองทุนที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้น ในขณะนี้บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยการแสวงหาตลาดใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมานำเสนอผู้ลงทุน ซึ่งอยู่ในระหว่างการยื่นขออนุมัติโครงการกับสำนักงานก.ล.ต. ในการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (Euro Commercial Paperหรือ ECP) เนื่องจากเป็นตราสารที่เริ่มกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง โดยถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อกระจายการลงทุน และสามารถเลือกระยะเวลาการลงทุนในช่วง 3-6 เดือน ทำให้มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำจากแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในช่วงนี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุน กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น49 ( KTCP49) อายุโครงการ 6 เดือน และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารการเงินคุ้มครองเงินต้น 42 (KT3M42) อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการกองทุนละ 2,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2551 โดยทั้ง 2 กองทุนเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ก่อให้เกิดการคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝาก ที่บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก โดยผลตอบแทนของตราสารอายุ 3 เดือน โดยประมาณอยู่ที่ 3.20% ต่อปี และ อายุ 6 เดือนอยู่ที่ 3.50%ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประจำ3 เดือนอยู่ที่ 2.375 % ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15%
นอกจากนี้ ลูกค้าของบริษัท และมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สามารถดูข้อมูลหน่วยลงทุนของตนเองได้ในระบบ KTB online ผ่าน www.ktb.co.th ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ KTAM SMART PLAN โทร 02 670 -4999
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
แสงสิริ เนตรอัมพร / สำนักประชาสัมพันธ์
โทร 0-2670-4900 ต่อ 1235 /085-1800-441