กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
PYLON คุยได้งานรับเหมาฐานรากเข้ามือเพิ่มอีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 139 ลบ. หนุน Backlog ครึ่งปีทะลุ 450 ลบ. เผยครึ่งปีหลังเตรียมเข้าร่วมประมูลงานเพิ่มอีกกว่า 400-500 ลบ. ส่งสัญญาณปีนี้รายได้มีลุ้นทะลุเป้าเดิมที่ 550 ลบ. พร้อมเชื่อครึ่งปีหลังภาวะราคาพลังงานพุ่งหนุนโครงการคอนโดฯ-รถไฟฟ้าเดินหน้าเต็มตัว ทำให้งานไหลเข้าตลาดหนาแน่นขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างชัดเจน
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) PYLON เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้รับการยืนยันการจ้างงานตามโครงการต่างๆ เพิ่มเติมจากที่แจ้งในครั้งก่อนจำนวนทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงิน 139,289,336 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้แก่ โครงการ ไอดีโอ ลาดพร้าว 5 คอนโดมิเนียม เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของบริษัท วิษณุกรการช่าง จำกัด ระยะเวลาก่อสร้าง 70 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ งานของ บมจ. เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ ไอดีโอ ลาดพร้าว 17 คอนโดมิเนียม เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ระยะเวลาก่อสร้าง 60 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ และโครงการ ไอดีโอ มิกซ์ พหลโยธินคอนโดมิเนียม เป็นงาน เสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ระยะเวลาก่อสร้าง 68 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่
โครงการ แบงค์คอก ฮอไรซอน (รามคำแหง 60) เป็นงาน เสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของ บริษัท ไทยสยามนครพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระยะเวลาก่อสร้าง 87 วัน นับวันที่ส่งมอบพื้นที่ โครงการ เลอรัก คอนโดมิเนียม อาคาร B (สกายวอล์ค) เป็นงาน เสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของบริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ระยะเวลาก่อสร้าง 120 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ และ โครงการ เมโทร อเวนิว สุขุมวิท 66 เป็นงาน เสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บมจ. เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ (METRO) ระยะเวลาก่อสร้าง 70 วัน นับวันที่ส่งมอบพื้นที่
นายบดินทร์กล่าวอีกว่า หลังจากบริษัทฯ ได้รับงานชุดดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมี Backlog ในมือรอรับรู้เป็นรายได้แล้วกว่า 450 ลบ. ทำได้เกินกว่า50 % ของเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 550 ลบ. ซึ่งคาดว่างานที่มีอยู่ในมือทั้งหมดจะรับรู้เป็นรายได้ภายในไตรมาสที่ 4/2551 นอกจากนั้น ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเข้าประมูลโครงการภาครัฐและเอกชน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งหากได้รับงานในโครงการจะกล่าว จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 3/51เป็นต้นไป
"ถ้าดูจากปริมาณงานที่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งปริมาณงานที่บริษัทฯ คาดว่าจะประมูลได้ในปีนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่รายได้ในปีนี้จะเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เบื้องต้นที่ 550 ล้านบาท แต่ก็ยังคงเป้าหมายไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากยังมีตัวแปรอื่นที่อาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจได้อีก โดยเฉพาะความเสี่ยงทางด้านการเมือง ที่เริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดคาดว่าจะผลักดันให้เพิ่มขึ้นจาก 15% มาอยู่ที่ระดับ 20% ได้สำเร็จ ส่วนความสามารถในการหางานที่ปรับตัวดีขึ้น สังเกตได้จากBacklog ที่เพิ่มสูงขึ้นมากจากปีก่อน และการแข่งขันที่เริ่มจะลดลง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะทำให้ผลกำไรในปีนี้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ด้วย"
สำหรับแนวโน้มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าน่าจะยังทรงตัวจากครึ่งปีแรก หรือมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องได้ หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เกิดขึ้นได้เร็วในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าเปิดตัวมากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากการที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านจะหันมาเลือกคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจก่อสร้างงานฐานรากสำหรับโครงการรถไฟฟ้าและคอนโดมิเนียมต่อเนื่องไปอีกหลายปี
ส่วนราคาวัตถุดิบ อาทิ เหล็กเส้น และน้ำมัน เชื่อว่ายังคงมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่องในครึ่งปีหลังนี้ แต่เนื่องจากธุรกิจหลักของบริษัทคืองานฐานรากซึ่งใช้ระยะเวลาก่อสร้างสั้นๆเพียง2-3เดือน และบริษัทใช้นโยบายซื้อเหล็กเส้นทั้งหมดเมื่อเซ็นสัญญางานเพื่อล็อคต้นทุนไว้ ทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวไม่มากนัก เมื่อสิ้นสุดโครงการเดิมและเริ่มงานใหม่ก็สามารถปรับราคาใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ นอกจากนั้น งานฐานรากยังเป็นงานต้นน้ำซึ่งมีความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินค่อนข้างต่ำ ดังนั้นบริษัทจะยังคงรักษานโยบายในการขยายธุรกิจด้านงานฐานรากต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้ บริษัทจึงมุ่งขยายธุรกิจอย่างรอบคอบและระมัดระวังในการรับงานมากขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
จุฬารัตน์ เจริญภักดี
089-4888337