ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยลดลงต่ำสุดในรอบสามปี แปดในสิบเชื่อว่าอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ข่าวทั่วไป Tuesday July 1, 2008 10:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--นีลเส็น
ผลการสำรวจออนไลน์ของผู้บริโภคเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ข้อกังวล และการจับจ่ายเงินจาก 51 ประเทศทั่วโลกชิ้นล่าสุดจากนีลเส็น ผู้นำด้านการวิจัยทางการตลาดและข้อมูลชั้นนำของโลก พบว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยตกลงต่ำสุดตั้งแต่นีลเส็นทำการสำรวจตั้งแต่ปี พศ.2548
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ทำการสำรวจรอบล่าสุดพบว่าระดับความเชื่อมั่นตกจาก 92 ในรอบเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เป็น 87ในรอบปัจจุบันซึ่งนับเป็นระดับการเชื่อมั่นที่ต่ำที่สุดในรอบสามปี ในขณะเดียวกันนีลเส็นยังพบว่าระดับความเชื่อมั่นของแต่ละประเทศทั่วโลกที่ทำการสำรวจตกลงมากที่สุดในรอบสามปีที่ผ่านมา
นางจันทิรา ลือสกุล กรรมการผู้จัดการ นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ จากสี่สิบแปดประเทศ* ที่เราทำการสำรวจพบว่าระดับความเชื่อมั่นในสามสิบเก้าประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ลดลงจากการสำรวจในรอบหกเดือนที่แล้ว โดยประเทศที่ลดลงมากที่สุดได้แก่ นิวซีแลนด์ อเมริกา และแลทเวีย และระดับความเชื่อมั่นของสิบห้าประเทศในสามสิบเก้าประเทศนี้ตกลงมากถึงสองหลัก”
“หกเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างแปรปรวนสำหรับเศรษฐกิจโลกในหลายทศวรรษ ซึ่งเริ่มมาจากวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐเมื่อปีที่แล้วซึ่งส่งผลกระทบกับประเทศอื่นๆในโลก โดยไม่มืทวีปหรือประเทศไหนที่จะหลุดพ้นผลกระทบของวิกฤตการณ์นี้ได้เลย”
“ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังต่อสู้กับปัญหาเดียวกันทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ เรากำลังเผชิญกับปัญหาน้ำมันทั่วโลก ปัญหาสินค้าราคาแพง อัตราดอกเบี้ยและปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหาต่อมาก็คือราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วงหล่น ตลาดแรงงานที่อ่อนตัว ระดับผลผลิตในอุตสาหกรรมที่ต่ำลง และอัตราการเพิ่มขึ้นของการว่างงาน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกำลังการใช้จ่ายสำหรับบุคคล โดยรวมแล้วถือว่าไม่ใช่ภาพรวมที่ดี ”นางจันทิรา กล่าวเสริม
ผลการวิจัยระบุประเทศที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นสูงที่สุดอันดับหนึ่งในโลกได้แก่ นอร์เวย์ ด้วยระดับความเชื่อมั่นที่ 129 รองลำดับสองได้แก่ อินเดีย (122) และลำดับสามได้แก่ อินโดนีเซียและเดนมาร์ก (120 เท่ากัน)
ส่วนประเทศที่ระดับความเชื่อมั่นลดลงต่ำมากที่สุดในโลกคือประเทศ นิวซีแลนด์ ซึ่งลดลงมากที่สุดถึง 18 จุด ในขณะที่ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไต้หวันเพิ่มขึ้นสวนกระแสเศรษฐกิจที่ซบเซาของโลก โดยเพิ่มมากถึง 14 จุดมาอยู่ที่ระดับ 83 จาก 69 จากการสำรวจในรอบหกเดือนที่ผ่านมา
พบผู้บริโภคชาวไทยยังคงกังวลเกี่ยวกับโอกาสในด้านการงานมากขึ้น
ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนเจ็ดสิบสองเปอร์เซ็นต์เชื่อว่าโอกาสทางด้านการงานภายใน 12 เดือนข้างหน้า จะไม่ค่อยดีหรือแย่ ( เพิ่มขึ้นจาก 64 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว) และครึ่งหนึ่งไม่มั่นใจเกี่ยวกับสภาพทางการเงินของตนเองสำหรับปีต่อไป
ผู้บริโภคชาวไทยยังคงเดินหน้าในการออม
เมื่อถามถึงจุดมุ่งหมายในการใช้จ่าย ผู้บริโภคชาวไทย (69%) เชื่อว่า ในช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมที่จะซื้อสิ่งของที่พวกเขาต้องการภายใน 12 เดือนข้างหน้า ผู้บริโภคชาวไทยกว่าครึ่ง (65%) มีความประสงค์จะเก็บเงินในส่วนที่เหลือเพื่อเก็บออมหลังจากใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต โดยติดลำดับที่สองของโลกรองจาก สิงคโปร์ (69% ) เพื่อใช้จ่ายในยามจำเป็น นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคชาวไทยเพียงแค่ 4% กล่าวว่าพวกเขาไม่มีเงินเหลือเก็บเลย
นอกจากความตั้งใจที่จะออมเงินแล้ว การใช้จ่ายทางด้านการท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจ ยังคงเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคชาวไทยนิยมในการใช้จ่าย (52%) มาก รองลงมาคือ สินค้าทางด้านเทคโนโลยี่ (34%) และความต้องการซื้อเสื้อผ้าใหม่ (33%) ตามลำดับ นอกจากนี้ผลการวิจัยยังระบุว่าชาวไทยจำนวนมากที่สุดในทวีปเอเชียแปซิฟิคสนใจที่จะลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ( Retirement Funds)
ปัญหาเศรษฐกิจยังคงเป็นปัญหาที่น่าวิตกมากที่สุด
ผู้บริโภคชาวไทยถูกจัดอยู่สิบลำดับแรกของโลกที่ห่วงใยเกี่ยวกับเศรษฐกิจ (52 %) และความมั่นคงทางการเมือง (22 %) เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลมากที่สุดปัจจัยที่กังวลมากที่สุดในสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำก็คือ ความไม่มั่นคงทางด้านการเมือง ( 67%) ปัญหาการว่างงาน และภาวะเงินเฟ้อ (48% เท่ากัน)
เราอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่
ผู้บริโภคชาวไทยและชาวเกาหลี ถูกจัดอยู่ในอันดับแรกของทวีปเอเชีย แปซิฟิคที่มีความเชื่อว่าประเทศของพวกเขาอยู่ในช่วงตกต่ำด้วยผู้บริโภคมากถึงแปดสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าเศรษฐกิจของประเทศตนอยู่ในภาวะถดถอย แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคชาวไทยเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์และผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้สิบแปดเปอร์เซ็นต์ที่เชื่อว่าสถานการณ์นี้จะรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นสภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลกในอีกสิบสองเดือนข้างหน้า
คุณจันทิรา ชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ ผู้บริโภคมีหลายเหตุผล ที่จะรู้สึกในด้านลบในขณะนี้ เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีปัจจัยใดที่จะทำให้เรารู้สึกในด้านบวกได้เลย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่พบสามในห้าของผู้บริโภคทั่วโลก (56 %) และ เกือบครึ่งของผู้บริโภคในแถบเอเซียแปซิฟิค (42%) คิดว่าประเทศของพวกเขายังตกอยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ถึงแม้ว่าประเทศของพวกเขาจะไม่ได้มีเศรษฐกิจตกต่ำอย่างเป็นทางการ หรือไม่ได้ถูกบันทึกว่ามีการเติบโตที่น้อยลงภายใน 2 ไตรมาส ก็ตาม ผลกระทบที่พอกพูนขึ้นจากระบบเครดิตที่วิกฤต และการเพิ่มขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคเหล่านี้จนทำให้พวกเขาจะรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ”
ความสมดุลของหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว
ในภาวะช่วงนี้ที่เศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วงและตกต่ำ ความขัดแย้งระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวได้มาถึงจุดที่เราต้องเผชิญ ผู้บริโภคในแถบเอเชียแปซิฟิค (19%) ลงความเห็นว่า ความสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิตคือสิ่งที่พวกเขาวิตกมากที่สุดในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยเกือบจะเท่าระดับความวิตกทางเศรษฐกิจ (20%) นำโดยจีน (42 %) เวียดนาม (41 %) และอินโดนีเซีย (38%) ในด้านกลับกันผลสำรวจของนีลเส็นพบว่าผู้บริโภคชาวไทยจำนวนเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์วิตกเกี่ยวกับเรื่องความสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิตซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดในทวีป นอกจากนี้แล้วยังเป็นที่น่าสนใจว่าผู้บริโภคในประเทศไทยห่วงใยเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมากที่สุดในทวีป (23%) รองลงมาคือ อินเดีย (16%) และออสเตรเลีย (13%) ตามลำดับ
เกี่ยวกับการสำรวจ
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นและความคิดเห็นออนไลน์ของผู้บริโภคทั่วโลกของเอซีนีลเส็น จัดทำขึ้นสองครั้งต่อปี โดยมีจุดมุ่งหมายในการสำรวจระดับความเชื่อมั่น, พฤติกรรม/แนวโน้มการใช้จ่าย ปัจจัยกังวลของผู้บริโภคทั่วโลก ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถูกประเมินจาก ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับตลาดงาน สถานภาพทางการเงิน และความพร้อมในการใช้จ่าย การสำรวจครั้งล่าสุดถูกจัดทำขึ้นในเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคมปี 2551 จากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 28,000 คน ใน 51 ประเทศ จากทวีปยุโรป เอเชียแปซิฟิค อเมริกาเหนือ และ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง
* ประเทศโคลัมเบีย เวเนซูเอล่า และอิสราเอล ถูกเพิ่มขึ้นในการสำรวจรอบปัจจุบัน ซึ่งไม่มีข้อมูลจากการสำรวจรอบที่แล้วเปรียบทียบ
เกี่ยวกับนีลเส็น
บริษัทนีลเส็น จำกัด เป็นบริษัทเกี่ยวกับสื่อและข้อมูลทั่วโลก ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในแวดวงการตลาดเป็นอย่างดีอาทิ “เอซีนีลเส็น” ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลทางการตลาด , “นีลเส็นมีเดีย รีเสริช” ให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลทางสื่อ “BASES” ให้บริการเกี่ยวกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ( New product launch ) , สิ่งพิมพ์ทางธุรกิจอาทิ Billboard, The Hollywood Reporter และ Adweek รวมถึง Trade show และส่วนงานหนังสือพิมพ์ ( Scarborough ) โดยเป็นบริษัทเอกชนที่เปิดดำเนินการมากกว่า 100 ประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Haalem เนเธอร์แลนด์ และ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nielsen.com
CONTACT:
นิจวรรณ คูหา ( นิกกี้ ) Email:nitjawan.khooha@nielsen.com
Tel:02-674-6000 ext.5131 or 089-772-770
The Nielsen Company (Thailand) Ltd.
26/F United Center, 323 Silom Rd,
Bangkok 10500
www.nielsen.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ