กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น
เซ็นทรัลรีเทลเผยแผนรุกขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เตรียมเปิดเซ็นทรัลสาขาแจ้งวัฒนะและพัทยา โรบินสันชลบุรี ขอนแก่น และอุบลราชธานี ปรับปรุงสาขาที่มีอยู่ให้ทันสมัยและเตรียมเปิดบริการค้าปลีกTops Stand Alone ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ชุดใหญ่เพื่อให้งานจัดซื้อมีประสิทธิ ภาพสูงสุด รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าโต 9% ยอดขาย 8.7 หมื่นล้านบาท ภายในปีนี้
ทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ผลประกอบการภายใน 6 เดือนแรกของปีนี้คิดเป็น 40,600 ล้านบาท สูงกว่าที่ปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน 7 % ในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งเงินงบลงทุนไว้ทั้งสิ้น 12,000 ล้านบาทสำหรับเมกะโปรเจคต่างๆทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งขยายธุรกิจเพิ่มจำนวนสาขาและพัฒนารูปแบบค้าปลีกใหม่ ๆ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดโดยทั่วถึงกว่าเดิม อาทิ โครงการ Tops Stand Alone “ท็อปส์ มาร์เก็ต เพลส” (Tops Market Place) การขยายโฮมเวิร์คสาขาใหม่อีก 3 สาขา และโรบินสัน 3 สาขา ตลอดจนการปรับปรุงสาขาของท็อปส์ใหม่ทั้งหมด ล่าสุดบริษัทฯ ได้ซื้อกิจการของแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ เราได้ลงทุนในส่วนไอทีของระบบจัดซื้อใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น ”
การลงทุนหลัก เป็นการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งเซ็นทรัลรีเทลมีแผนเปิดห้างสรรพสินค้าใหม่ 8 สาขาภายใน 3 ปี งบลงทุนตั้งไว้ที่ 6,600 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาแจ้งวัฒนะและพัทยา ห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาชลบุรี ขอนแก่นและอุบลราชธานี นอกจากนี้ยังมีโครงการห้างสรรพสินค้าอีกสามโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และพระราม 9 ซึ่งรูปแบบโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าเซนได้ทุ่มงบประมาณกว่า 80 ล้านบาท เพื่อเปิด “เซนส์” (ZENSE) ร้านอาหารนานาชาติในชั้นที่ 17 ภายใต้แนวคิดเรื่อง “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ซึ่ง “ดิน” เป็นตัวแทนของร้านอาหารที่นำเสนออาหารไทย อิตาเลียน ญี่ปุ่น และอินเดีย “น้ำ” เป็นตัวแทนของบาร์เครื่องดื่มต่าง ๆ “ไฟ” เป็นตัวแทนอาหารในสไตล์ปิ้งย่าง พร้อมมีเครื่องดื่มไวน์ไว้บริการ ชั้นบนสุดเป็นแชมเปญบาร์บริการในแบบโอเพ่นแอร์ที่ลูกค้าสามารถชมท้องฟ้าและทิวทัศน์ของกรุงเทพฯใจกลางเมืองได้ ซึ่งสื่อถึง “ลม” บรรยากาศโดยรวมของ “เซนส์” เน้นให้ความอบอุ่นผ่อนคลายและเป็นกันเองที่มีโต๊ะนั่งสบายทั้งในอาคารและโอเพ่นแอร์ ในเบื้องต้นจะเปิดให้บริการร้านอาหารชั้น 17 เป็นส่วนแรกในกลางเดือนกันยายนปีนี้
ด้านธุรกิจจำหน่ายสินค้าเฉพาะด้าน (Specialty Store) บริษัทฯกำลังเตรียมเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ของโฮมเวิร์ค สาขาภูเก็ต ซึ่งเป็นเมกะสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ตศูนย์รวมอุปกรณ์แต่งบ้านและดีไอวายมีพื้นที่รวม 25,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยโฮมเวิร์คสาขาภูเก็ตคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคมปีนี้ และโฮมเวิร์คอีก 2 สาขาที่ถนนศรีนครินทร์ และอีกสาขาที่ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างโครงการทั้ง 2 ประมาณสิ้นปี 2551 รวมเงินลงทุนสำหรับการเปิดสาขาใหม่ของโฮมเวิร์คแล้วเป็น 2,500 ล้านบาท ล่าสุดเซ็นทรัลรีเทลได้เข้าควบกิจการของแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์จากบริษัท แม็คโคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำให้ออฟฟิศดีโปมีสาขาเพิ่มขึ้นจาก 19 สาขาเป็น 35 สาขาในทันที โดยลงทุนกว่า 400 ล้านบาทในการรวมกิจการในครั้งนี้ พร้อมเดินหน้ารีแบรนด์ใหม่ทั้งหมดให้ดูทันสมัยและสดใสกว่าเดิม ปีที่ผ่านมาบริษัทเซ็นทรัลฟู้ดรีเทลได้ทุ่มงบ ประมาณจำนวน 500 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงสาขา (Renovation) ท็อปส์ซูเปอร์ และท็อปส์มาร์เก็ตทั้งหมด 13 สาขา และมีแผนจะปรับปรุงอีก 15 สาขาในปีนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดใสและน่าประทับใจให้กับลูกค้า
ที่สำคัญเซ็นทรัลรีเทลได้ประกาศรุกธุรกิจค้าปลีกในแบบ Tops Stand Alone ซึ่งเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่บริษัทฯเข้ามาบริหารเป็นครั้งแรก โดยเตรียมเปิดตัว “ท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส อุดมสุข” ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งพื้นที่ของโครงการทั้งหมดมีประมาณ 5,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ บริษัทฯได้วางแผนเปิด Tops Stand Alone ไว้ปีละ 3 แห่ง โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ 150 ล้านบาทต่อแห่ง นอกจากนี้ยังได้ปรับรูปแบบของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอีก 2 แห่งให้เป็นธุรกิจที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยได้ปรับเซ็นทรัลสาขาวังบูรพาเป็นศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่เปิดให้เช่าพื้นที่ขายสินค้าทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ฯลฯ ชื่อว่า “ไชน่า เวิลด์” ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้าจองพื้นที่ และเซ็นทรัล สาขาสีลมที่ได้ปรับเป็นอาคารสำนักงานและรวมร้านอาหารและร้านค้าปลีก ตลอดจนธนาคารไว้ภายในอาคาร โดยใช้ชื่อว่า “ท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส สีลม” และได้เปิดให้บริการแก่ลูกค้ามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้
ในปี 2552 บริษัทเซ็นทรัลรีเทลจะก้าวสู่ต่างประเทศครั้งแรกด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์ “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล” ณ เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยตั้งอยู่ในศูนย์การค้ามิกซ์ซี (Mix C) ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาหังโจวมีพื้นที่ทั้งหมด 23,000 ตารางเมตร รวม 4 ชั้น ใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะนำระบบการบริหารจัดการ ตลอดจนกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าในจีน ในเบื้องต้นได้นำบริษัท ซีอาร์ซี สปอร์ต หรือ “ซูเปอร์สปอร์ต” ไปเปิดให้บริการ ส่วนการจัดวางสินค้า (Visual Merchandising Display) และการออกแบบภาพรวมและแผนผังของแผนกต่างๆ ภายในห้าง (Store Format) จะเป็นไปตามแนวทางที่เซ็นทรัลชำนาญและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ทั้งนี้จำเป็นต้องปรับให้เข้ากับความชอบของลูกค้าชาวจีน ในขณะที่การบริหารสินค้าบริษัทฯจะนำเอ็กคลูซีฟแบรนด์ (only@Central) อาทิ Defry01 B+Basic ฯลฯ ไปจำหน่ายที่นั่น นอกจากนี้ การขยายธุรกิจในครั้งนี้ยังได้สร้างโอกาสให้กับบริษัทคู่ค้าคนไทยกว่า 4,000 รายที่บริษัทเซ็นทรัลรีเทลได้ร่วมธุรกิจกันอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังสนับสนุนเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าไทยสู่ตลาดจีนให้บริษัทคู่ค้า พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งได้อีกทางหนึ่ง
การพัฒนาระบบจัดการต่างๆ ระบบจัดซื้อและระบบบริหารสินค้า ปีนี้บริษัทฯ ได้วางแผนติดตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่สำหรับพัฒนาระบบการจัดซื้อ (Merchandising Management System) ให้ทันสมัยมากขึ้น โดยได้ลงทุนไป 1 พันล้านบาท ซึ่งระบบใหม่นี้สามารถช่วยให้การวางแผนบริหารสินค้า การประสานงานกับซัพพลายเออร์ การตั้งราคาและส่งเสริมการขาย ตลอดจนการวิเคราะห์และรายงานผลเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยส่งผลให้เกิดยอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำในส่วนของจำนวนสินค้า ราคา โปรโมชั่น และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลที่สินค้าขายดี นอกจากนี้ พนักงานหนึ่งคนจะสามารถสร้างผลงานได้มากขึ้นเพราะมีสิ่งมาอำนวยความสะดวกช่วยให้การทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบใหม่นี้จะเริ่มประยุกต์ใช้ภายในปีนี้โดยเริ่มต้นที่บริษัทเซ็นทรัลฟู้ดรีเทลแล้วจึงทยอยไปยังบริษัทในเครืออื่นๆ จนครบ คาดว่าใช้เวลา 4 ปี จึงแล้วเสร็จ
ในส่วนระบบขนส่งสินค้าและการบริหารคลังสินค้าได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นประมาณกว่า 70% ซึ่งการจัดส่งสินค้าของซัพพลายเออร์ และเซ็นทรัลรีเทลได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงมีการพิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพภายในของเซ็นทรัลรีเทล รวมถึงการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์หลัก ๆ ในการลดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การขนส่งสินค้าเที่ยวกลับแทนการตีรถเปล่ากลับมา(Back Hauling) การปรับเปลี่ยนมาใช้กล่องพลาสติกแทนกล่องกระดาษที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสูงขึ้น 30 % การปรับเวลาในการส่งสินค้าเพื่อให้รถสามารถวิ่งได้อย่างทั่วถึงทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทำให้บริษัทสามารถควบคุมค่าเสื่อมและรักษาสภาพรถได้
กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) บุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร ผู้บริหารหลักที่รับผิดชอบดูแลโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมของเซ็นทรัลรีเทลกล่าวว่า “เราตระหนักอยู่เสมอว่า เซ็นทรัลรีเทลอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เนื่องมาจากการเกื้อหนุนจากสังคมไทย ดังนั้นเราจึงถือเป็นพันธกิจสำคัญที่เราจะตอบแทนสังคมในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้วางไว้ 5 เรื่องหลักได้แก่ การศึกษา การทำนุบำรุงโบราณสถานและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย การช่วยเหลือสังคม การสนับสนุนกีฬาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเซ็นทรัลรีเทลได้ดำเนินโครงการเรื่องต่างๆ ไปพร้อมกัน โดยมีเรื่องของการศึกษาและสิ่งแวดล้อมที่เราให้เป็นเรื่องหลัก” ในปีนี้เซ็นทรัลรีเทลมีโครงการมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนต่างๆ ในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 87 โรงเรียน เพื่อให้เด็กไทยอ่านเขียนได้คล่อง อีกทั้งยังให้ทุนการศึกษาแก่บุตรพนักงานตลอดจนโครงการทวิภาคี โครงการ Central Retail Academy เพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้เรียนเรื่องธุรกิจค้าปลีกและสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ทำอยู่ นอกจากนี้ สำหรับการรักษาสิ่งแวดล้อมเซ็นทรัลรีเทลได้รวมกับบริษัทในเครือดำเนินโครงการ “รักโลก...อยู่กับโลก...ด้วยการดูแลโลก หรือ Love the World, Live the World with Care” รณรงค์ให้พนักงานและประชาชนลดการใช้ถุงพลาสติกและหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทลยังหันมาใช้ถุงพลาสติกย่อยสลายและถุงรีไซเคิลสำหรับบรรจุสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งยังได้เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดีเพื่อช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น โดยปีนี้ได้วางงบประมาณสำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งสิ้นจำนวน 21 ล้านบาท
โดยสรุป ผลประกอบการภายใน 6 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เติบโตขึ้น 7 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายได้ 40,600 ล้านบาท ในส่วนการลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาระบบการจัดการบริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และกิจกรรมเพื่อสังคมไว้ 21 ล้านบาท โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 9% ยอดขาย 8.7 หมื่นล้านบาท ภายในปีนี้
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือเป็นผู้นำในด้านธุรกิจค้าปลีกการบริหารงาน ห้างสรรพสินค้า, ซูเปอร์มาร์เก็ต และการค้าปลีกแบบจำหน่ายสินค้าเฉพาะด้าน (Specialty) ในประเทศไทย โดยเซ็นทรัลรีเทล ได้รับรางวัล "Best of the Best" จากการพิจารณาของนิตยสาร Retail Asia ร่วมกับ Euromonitor และ KPMG และรางวัลระดับนานาชาติอีกมากมาย โดยบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจภายใต้เซ็นทรัลรีเทล ได้แก่ เซ็นทรัล โรบินสัน เพาเวอร์บาย บีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต ท็อปส์ โฮมเวิร์ค ออฟฟิศดีโป และเซน ซึ่งเป็นที่รู้จักดี สำหรับผู้บริโภคชาวไทย ตลอดจนนักท่องเที่ยวรวมไปถึงนักธุรกิจในแวดวงค้าปลีกในภูมิภาค
ปัจจุบันเซ็นทรัลรีเทลมีร้านค้าของบริษัทในเครือรวมกว่า 400 สาขาและมีแผนจะขยายสาขา ไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่หังโจว ประเทศจีน ในปี 2552
รางวัลที่ได้รับในปี 2551
- 2008 Thailand’s Most Admired Brand from BrandAge จากผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยของนิตยสาร BrandAge เพื่อจัด 10 อันดับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่น่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งอันดับ 1 ได้แก่ Central อันดับ 5 Robinson และอันดับ 10 Tops
- ห้างสรรพสินค้าเซนได้รับ รางวัล ยูโรช้อป รีเทลดีไซน์ อวอร์ด 2008 จากงานการประชุมผู้ประกอบการค้าปลีกจากทั่วโลกที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน ณ เมืองดุสเซลดอป ประเทศเยอรมนี โดยห้างสรรพสินค้าเซนได้รับรางวัลห้างสรรพสินค้าที่มีดีไซน์ยอดเยี่ยมที่สุดในเอเชีย ที่มีการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ตลอดจนการวางสินค้าที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและ ไลฟ์สไตล์ ตลอดจนสามารถสะท้อนแนวคิดของห้างสรรพสินค้าออกมาได้อย่างชัดเจน
- ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจที่สุดในหมวดธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต
จากผู้อ่านนิตยสาร รีดเดอร์ส ไดเจสท์
- ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ได้รับรางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานระดับประเทศ ปี 2551 ถึง 10 สาขา และระดับจังหวัด 3 สาขา จาก “งานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ครั้งที่ 22” จัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
- ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ได้รับ รางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานระดับประเทศ ปี 2551 ทั้งหมด 2 สาขา และระดับจังหวัด 8 สาขา จากงานสัปดาห์ความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ครั้งที่ 22 จัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และระดับจังหวัด
- ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาหาดใหญ่ และสาขาจันทบุรี ได้รับ รางวัล "การบริหารการจัดการต้านเอดส์" ในสถานประกอบการ ASO (AIDS-Response Standard Organization) ดีเด่น ระดับทอง จัดโดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
Website : www.centralretail.com
หากต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
โทร. 02 100 9785-7 แฟกซ์ 02 100 9777
คุณประภาพร(น้องเล็ก) 085 911 2133 คุณนัทธมน (แอน) 089 1212663
คุณภัทรวรรณ(โอ๊ต) 086 789 7404 คุณกฤตยาวีร์ (วี) 085 911 2134