กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--กทม.
กทม.เพิ่มความสะดวกคนกรุง เชื่อมบริการรับแจ้งเหตุสาธารณภัย และเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร 199 กู้ภัย กู้ชีวิตหมายเลขเดียวครบวงจร คนใช้ถนนโปรดให้ทางรถพยาบาลเพื่อเร่งส่งคนเจ็บและช่วยเหลือทันท่วงที พร้อมวอนคนโทรเล่น โทรก่อกวนเห็นใจผู้เดือดร้อน ปัจจุบันยังพบสูงถึง 70% เร่งตรวจสอบและตั้งมาตรการเอาผิดทางกฎหมาย
ดร.วัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับ สำนักการแพทย์ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และบริษัท ทีโอที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับระบบเชื่อมต่อการรับแจ้งเหตุ 199 ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้รวมบริการรับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เหตุภัยพิบัติทุกรูปแบบ และบริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานครหรือศูนย์เอราวัณไว้ด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและสามารถติดต่อเหตุฉุกเฉินครบวงจร โดยมีคู่สายรับแจ้งเหตุ 20 คู่สาย เจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง ซึ่งจากนี้ไปหากพบอุบัติเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน หรือเจ็บป่วยรุนแรงภายในบ้านสามารถโทรแจ้งหมายเลข 199 ได้ทันที เจ้าหน้าที่จะจัดส่งรถพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครัน พร้อมด้วยทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ ไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยชีวิตโดยเร่งด่วนและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในเครือข่ายระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด ซึ่งมีจำนวนรวม 44 โรงพยาบาลทั้งจากสังกัดกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข กองทัพ และตำรวจ ทั้งนี้สถิติโดยเฉลี่ยเมื่อรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่จะถึงจุดเกิดเหตุและเข้าช่วยเหลือได้ภายใน 8 นาทีจากเกณฑ์มาตรฐานกำหนด 12 นาที
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวย้ำด้วยว่าในแต่ละวันประชาชนจะโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินเป็นจำนวนกว่า 400 สาย ดังนั้นขอความร่วมมืออย่ากดโทรศัพท์เล่น เนื่องจากที่ผ่านมามีโทรศัพท์เข้ามาก่อกวน และกดเล่น สูงถึงร้อยละ 70 นอกจากจะทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานติดขัด และคู่สายเต็ม อาจส่งผลให้สายด่วนที่รอรับการช่วยเหลือเป็นอันตรายรุนแรงมากขึ้น และอาจเสียชีวิตหากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนหากพบเห็นรถพยาบาลเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินโปรดให้ทางเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลด้วย
ด้านนายธนิก ยูถะสุนทร์ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กล่าวเสริมว่า กรุงเทพมหานครจะดำเนินมาตรการกับผู้โทรศัพท์เข้ามาก่อกวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน โดยจัดระบบบันทึกเสียงและหมายเลขโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบบุคคล จากนั้นจะแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป