กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--
นายมงคล พิพัฒน์สัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 2.10 บาท ขณะที่ต้นทุนสูงถึง 2.60 บาท ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องประสบภาวะขาดทุนกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่
สาเหตุหลักอยู่ที่ผลผลิตไข่ไก่มีมากเกินความต้องการบริโภค ซึ่งมีที่มาจากหลายปัจจัยได้แก่ ประสิทธิภาพการผลิตไข่ไก่ที่สูงขึ้นจากการจัดการฟาร์มของเกษตรกรเอง ทำให้จากเดิมที่แม่ไก่ 1 ตัว สามารถให้ผลผลิตได้ 280 ฟอง/ปี ก็เพิ่มเป็น 300 ฟอง/ปี โดยขณะนี้มีปริมาณไข่ไก่ผลิตออกสู่ตลาดวันละ 27-28 ล้านฟอง ขณะที่อัตราการบริโภคอยู่ที่วันละ 25-26 ล้านฟอง ทำให้เกิดปริมาณไข่ส่วนเกินในประเทศวันละประมาณ 2 ล้านฟอง และถึงแม้จะมีบริษัทและผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่เสียสละเร่งระบายสต๊อกไข่ไก่ส่วนเกิน ด้วยการส่งออกไข่ไก่วันละประมาณ 1 ล้านฟอง เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคาภายในประเทศก็ตาม แต่ก็ยังมีไข่ส่วนเกินคงค้างอยู่ในประเทศประมาณวันละ 1 ล้านฟอง ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องหาทางออกด้วยการยอมขายในราคาขาดทุน
ขณะเดียวกัน อัตราการบริโภคของคนไทยดัวกล่าว ก็มีแนวโน้มลดลงจากการรัดเข็มขัดของประชาชนตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา สถานการณ์เช่นนี้ นายกสมาคมฯ กล่าวว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ควรจะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา เพราะลำพังปัญหาน้ำมันแพงและต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เช่น ข้าวโพดและกากถั่วเหลือง มีราคาสูงขึ้นกว่า 50 % ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรทุกรายต้องแบกรับภาระอย่างหนักอยู่แล้ว หากต่างคนต่างแก้ปัญหาแบบตัวใครตัวมันก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก
“ไข่ไก่เป็นโปรตีนราคาถูกที่ให้คุณประโยชน์มากมาย หากประชาชนคนไทยจะช่วยกันเพิ่มการบริโภคไข่ไก่ที่ซื้อหาได้อย่างสบายกระเป๋าเหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็จะเป็นหนทางช่วยเหลือให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่อยู่รอดได้ต่อไป” นายมงคลกล่าวทิ้งท้าย
ราคาไข่คละหน้าฟาร์มในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.40-2.50 บาท ขณะที่เดือนมิถุนายน ระดับราคาตกลงมาอยู่ที่ 2.10 บาท