กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (HPRO083A, HPRO093A) ของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายวัสดุและสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป และความสามารถในการรักษาการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมให้อยู่ในระดับสูงในขณะที่มีการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างไร
ก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างต่ำของธุรกิจค้าปลีกเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงซึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายวัสดุและสินค้าเกี่ยวกับบ้าน พร้อมทั้งยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าบริษัทจะยังคงพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและน่าจะสามารถรักษาอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา การชะลอตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลทำให้ระดับการใช้จ่ายของลูกค้าบ้านใหม่ลดลง อย่างไรก็ตาม
คาดว่าอุปสงค์เพื่อการซ่อมแซมและตกแต่งบ้านเก่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์เป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อ
ที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร” ณ เดือนตุลาคม 2548 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 19 แห่ง โดยตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 14 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 5 แห่ง มีพื้นที่ขายรวมทั้งสิ้น 130,865 ตารางเมตร (ตร.ม.) เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับพื้นที่ขาย ณ เดือนธันวาคม 2547 โดยสาขาล่าสุดซึ่งตั้งอยู่ที่บางนา กม. 12 เปิดดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2548 ด้วยพื้นที่ขาย 10,500
ตร.ม. โฮมโปรมีสินค้าเกี่ยวกับบ้านมากกว่า 60,000 รายการซึ่งแบ่งตามประเภทสินค้าได้เป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วย วัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่ง อุปกรณ์และเครื่องมือ อุปกรณ์ไฟฟ้าและโคมไฟ (ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อความบันเทิงภายในบ้าน) อุปกรณ์ทำสวนและต้นไม้ และเครื่องเรือน
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยและการเปิดสาขาใหม่ของบริษัท โดยในปี 2547 บริษัทมียอดขายรวม 9,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จาก 6,753 ล้านบาทในปี 2546 และมียอดขาย 8,931 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548 เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปี 2547 การเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากสาขาเดิมที่ระดับ 20% ในปี 2547 และ 13% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมัน ซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการขยายตัวของตลาดบ้านใหม่--จบ--