กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
ตลท. ไฟเขียว FORTH ซื้อขายพาร์ใหม่ 50 สตางค์ วันที่ 8 ก.ค.นี้ "พงษ์ชัย อมตานนท์" เผยหนุนสภาพคล่องให้หุ้นหมุนเวียนในกระดานเพิ่ม นลท.ซื้อง่ายขายคล่อง แก้ปัญหาสภาพคล่องฝืดได้ดี คาดได้รับความสนใจจากแฟนพันธุ์แท้เพิ่มขึ้นแน่ เหตุนอกจากจำนวนหุ้นเพิ่ม ผลประกอบการยังมีทิศทางเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปีนี้ปรับเป้ารายได้ขึ้นเป็น 7,326 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้า 7,140 ล้านบาท หลังได้งานระบบไฟจราจรและจอแอลอีดีเพิ่ม พร้อมทั้งเตรียมเข้างานประมูล ทีโอที มูลค่า4 พันล้านบาท
นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (FORTH) กล่าวถึงการดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์)จากเดิมหุ้นละ 1 บาทเป็นหุ้นละ 0.50 บาท โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้หลักทรัพย์ FORTH ซื้อขายในระบบซื้อขายหลักทรัพย์ตามมูลค่าที่ตราไว้ใหม่ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 นี้ ว่า จะทำให้สภาพคล่องของหุ้นที่หมุนเวียนในกระดานเพิ่มขึ้น นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้น FORTH ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 480 ล้านหุ้นเป็น 960 ล้านหุ้น และราคาตลาดที่จะลดลงครึ่งหนึ่ง จากการแตกพาร์เหลือ 0.50 บาท เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หุ้น FORTH ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น
"ยอมรับว่าที่ผ่านมา FORTH มีหุ้นหมุนเวียนในกระดานค่อนข้างน้อย อยู่ที่ประมาณ 20% เศษ หรือประมาณ 100 ล้านหุ้น ทำให้การซื้อขายไม่คล่องตัวนัก ขณะที่ความต้องการของนักลงทุนยังมีอยู่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าการแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 50 สตางค์ ที่ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเท่าตัว และราคาที่จะปรับลดลงมาจะทำให้หุ้นซื้อง่ายขายคล่องขึ้น และใช้เงินจำนวนน้อยก็สามารถซื้อหุ้นของบริษัทฯ ได้ และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หุ้น FOTH ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะนอกจากหุ้นจะซื้อง่ายขายคล่องแล้ว ผลประกอบการของเราก็มีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย ก็น่าจะเป็นจุดที่สร้างความสนใจให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี"
นายพงษ์ชัยกล่าวต่อถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทฯ ว่ามีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มขึ้น สนับสนุนให้รายได้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยในส่วนของงานระบบจราจรและจอแอลอีดีมีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าในปีนี้จะอยู่ที่ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้เมื่อเดือน มี.ค. 51 ที่อยู่ที่ระดับ 510 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังเตรียมจะเข้าประมูลงานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพิ่มอีกในปีนี้ โดยจะเป็นงานโครงข่ายตู้ชุมสายโทรศัพท์ หรือบรอดแบนด์ จำนวน 1 ล้านหมายเลข คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเตรียมรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือในช่วงครึ่งปีหลังอีกประมาณ 800-840 ล้านบาท และบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มงานในมือให้มากขึ้น
ส่วนในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มกำลังการผลิตแผงควบคุมฮาร์ดดิส ให้กับ บริษัท เวสเติร์น ดิจิตอล จำกัด (WD) ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทได้วันละ 60,000 ชิ้น ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านชิ้นต่อเดือน จากเดิมอยู่ที่ 1.0 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งการเพิ่มการผลิตดังกล่าวจะทำกำไรจากการผลิตสินค้าประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น
" หลังจากที่ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2551 ของบริษัทฯ ออกมาค่อนข้างดี โดยมีรายได้ที่ระดับ 1,517 ลบ. มีกำไรสุทธิ 44.80 ล้านบาท บริษัทฯเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 7,326 ล้านบาท จากช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ประเมินว่าน่าจะมีรายได้อยู่ที่ 7,140 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,914 ล้านบาท ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างจะชะลอตัวก็ตาม เพราะส่วนใหญ่งานที่ได้รับเป็นงานต่อเนื่อง และเป็นงานเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศที่เป็นไปตามแผนการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจดังกล่าว" นายพงษ์ชัยกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สิริน วิวัฒน์เจริญพงศ์ โทร 089-728-6389 02-554-9353