กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--ปตท.
สั่งนำเข้า 80,000 ตัน ในเดือนกรกฎาคม 2551 และยืนยันว่ามีก๊าซแอลพีจีเพียงพอกับความต้องการใช้ และไม่ขาดแคลน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า จากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดปัญหาการจัดส่งช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้ ปตท. ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ โรงกลั่น ผู้ค้ามาตรา 7 การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัทผู้รับเหมาขนส่งก๊าซแอลพีจี รวมทั้งได้ดำเนินการแก้ไขจนสามารถส่งก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคและจะไม่มีปัญหาอีกต่อไป
นอกจากนั้น ปตท. ยังได้ตัดสินใจสั่งก๊าซแอลพีจีนำเข้าเพิ่มเติมจากเดิม ที่วางแผนจะนำเข้า 40,000 ตัน ในเดือนกรกฎาคม 2551 เป็น 60,000 ตัน และในที่สุดเพิ่มเป็น 80,000 ตัน และจะมีเรือขนาดใหญ่ 40,000 ตัน นำเข้าก๊าซแอลพีจีมาจอดในอ่าวไทยเพื่อพร้อมทยอยส่งก๊าซ และให้แน่ใจว่าจะไม่มีการขาดแคลน
สำหรับในประเด็นที่รัฐมีแนวทางที่จะพิจารณาปรับราคาก๊าซแอลพีจีเฉพาะในส่วนภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงและมีทางเลือกการใช้เชื้อเพลิงอื่น และหากไม่มีการปรับราคาขึ้นก็จะส่งผลให้มีการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ต้องมีการนำเข้าก๊าซในปริมาณสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ปตท. เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว
นายประเสริฐฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าในการปรับราคาก๊าซแอลพีจีทุกประเภทเป็นรายไตรมาสจำนวน 5 ครั้ง ตามแนวทางของรัฐบาลชุดที่แล้ว จะส่งผลให้ต้องมีการปรับราคาในส่วนของภาคครัวเรือนด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ก๊าซหุงต้มเพื่อใช้หุงหาอาหารซึ่งปัจจุบันมีภาระค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้ว ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้น ปตท. จึงเห็นว่าในชั้นนี้ควรดำเนินการตามแนวทางของรัฐในปัจจุบันที่จะปรับราคาก๊าซแอลพีจีเฉพาะภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเท่านั้นไปก่อน เพราะเป็นส่วนที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนในภาคครัวเรือน ปตท. เห็นสมควรที่จะชะลอไว้
โทรศัพท์ 02-537-2538 ส่วนสื่อสารธุรกิจน้ำมัน ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.