กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ (คต.)ได้จัดสัมมนาเรื่อง GSP-EU ฉบับใหม่กับโอกาสของนักธุรกิจไทย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นับว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 410 คน จากภาคเอกชน 351 คน และภาครัฐ 59 คน เกินกว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ คือ 350 คน
การจัดสัมมนาฯ ครั้งนี้ มีเนื้อหาสาระสำคัญเกี่ยวกับโครงการ GSP-EU ในช่วงที่ 2 ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 — 31 ธันวาคม 2554 โดยเฉพาะระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการให้สิทธิ GSP และหลักเกณฑ์การพิจารณาแหล่งกำเนิดสินค้า (RoOs) ซึ่งประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ คือ ไทยจะได้รับคืนสิทธิหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน ครอบคลุมรถปิกอัพ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกชนิดแวน รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และชิ้นส่วนต่างๆ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ได้ชี้ให้เห็นว่าประเทศคู่แข่งสำคัญของไทย คือ เวียดนามถูกตัดสิทธิ GSP สินค้าหมวดรองเท้า และจีนถูกตัดสิทธิ GSP สินค้า 13 หมวด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ เครื่องหนัง และยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะเตรียมวางแผนการผลิตเพื่อขยายตลาดไปยัง EU ต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาแหล่งกำเนิดสินค้า (RoOs) ฉบับใหม่นั้น ขณะนี้คณะกรรมาธิการยุโรป ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงยังคงใช้กฎ (RoOs) ฉบับปัจจุบันไปก่อน และหากมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ กรมฯ จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป
นางอภิรดีฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้แทนจากอุตสาหกรรมยานยนต์ และรองเท้าได้เข้าร่วมเสวนาด้วยโดยได้กล่าวถึงทิศทางและโอกาสทางการค้าในอนาคต และเห็นว่าการใช้ประโยชน์จากสิทธิ GSP โดยได้รับการลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้า จะทำให้สินค้าไทยมีแต้มต่อ และสามารถแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรปได้มากขึ้น ในช่วงหลังของการสัมมนาฯ กรมฯ ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจรับรองคุณสมบัติถิ่นกำเนิดสินค้า ระเบียบปฏิบัติการออกหนังสือรับรองฯ และระเบียบการตรวจสอบหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าย้อนหลัง เพื่อให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายใหม่ได้เข้าใจและเป็นการกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์จากสิทธิ GSP ให้มากขึ้น
โดยที่สินค้าหมวดยานยนต์และชิ้นส่วนจะได้รับคืนสิทธิ GSP — EU ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 - 31 ธันวาคม 2554 ดังนั้น ผู้ส่งออกสามารถมาขอหนังสือรับรองฯ Form A ณ กรมการค้าต่างประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป หากท่านต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือโทร. 02-547 4808 หรือเว็บไซต์ www.dft.go.th